นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดย่อตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยอีครั้ง หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาด และอัตราว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ทำให้คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยรุนแรง ลงสู่ระดับ 0.50% จากเดิมที่คาดลด 0.25% กดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ร่วงต่ำกว่า 3.8% แล้ว และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ามาก สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้
ขณะที่ในประเทศกลับมาติดตามดูสถานการณ์ทางการเมือง โดยวันที่ 7 ส.ค.67 ศาลฯ จะมีการพิจารณาคดียุบพรรคก้าว ไกล และในสัปดาห์นี้จะมีการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยออกมาค่อนข้างมาก
ให้แนวรับไว้ที่ 1,300 จุด และแนวต้าน 1,320 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (2 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,737.26 จุด ลดลง 610.71 จุด หรือ -1.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,346.56 จุด ลดลง 100.12 จุด หรือ -1.84% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,776.16 จุด ลดลง 417.99 จุด หรือ -2.43%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 35,249.36 จุด ลดลง 660.34 จุด หรือ -1.83% และหลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิร่วงลงรุนแรงถึง 2,225.41 จุด หรือ -6.20% แตะที่ระดับ 33,684.29 จุด ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 16,676.82 จุด ลดลง 268.69 จุด หรือ -1.58% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 2,889.36 จุด ลดลง 15.98 จุด หรือ -0.55%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ส.ค.) 1,313.08 จุด ลดลง 9.67 จุด (-0.73%) มูลค่าซื้อขายราว 34,702.66 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,876.94 ล้านบาท (2 ส.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. (2 ส.ค.) ลดลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 73.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ส.ค.) อยู่ที่ 4.81 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.32 แข็งค่าเล็กน้อย หลังตัวเลขศก.สหรัฐแย่กว่าคาดฉุดดอลลาร์อ่อน สัปดาห์นี้จับตาเงินเฟ้อ-การเมืองไทย
- คลังยันแอปทางรัฐไม่ล้วงข้อมูลของประชาชน ย้ำไม่จำกัดสิทธิคนย้ายทะเบียนบ้าน แต่ต้องเป็นบ้านที่ตรงกับวันลงทะเบียน หากเปลี่ยนภายหลังจะไม่มีผล เผยตัวเลขลงทะเบียนแค่วันครึ่งทะลุ 20 ล้านคนแล้ว ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนเริ่มลงทะเบียน 16 ต.ค.นี้ ระบุแบงก์กว่า 14 แห่งประสานมาเพื่อขอเข้าร่วม และแอปไม่มีระบบโอน-จ่ายเงินผ่านบัญชีของผู้ลงทะเบียนได้
- แบรนด์จีนป่วนธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มไทย ผู้ประกอบการไทย หวั่นโครงสร้างราคาพัง กระทุ้งรัฐออกมาตรการกำกับดูแล แข่งขันเท่าเทียม หลังธุรกิจเผชิญหลายวิกฤติ กำลังซื้อหดตัว 30-40% ด้านสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ ชี้ทุนจีนได้เปรียบทุนหนา เอื้อสยายปีก
- "กูรูอีคอมเมิร์ซ" เสนอแผนสู้กลับทุนจีน "ตั้งรับ - จับมือ - รุกกลับ" ชงต่อนายกฯ ดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมวงแก้ปัญหา ออกกฎหมายใหม่ที่ปกป้องเป็นธรรม สร้างความแข็งแกร่งของเอกชน รุกต่างประเทศ Cross border มากขึ้น ดึง Temu ขึ้นทะเบียนภาษี อี-เซอร์วิส หนุนสินค้า "ฮาลาล"ไทย ขายใน Temu ด้านนายกสมาคมอีคอมเมิร์ซ วิเคราะห์ 3 กลยุทธ์เด็ด "เทมู" เจาะตลาดดึงใจนักชอปไทย
- ประชาชน-ผู้ประกอบการ เตรียมทำใจ ค่าไฟฟ้าปีหน้าจ่อขยับขึ้นอีก เหตุกฟผ.-ปตท.แบกรับภาระหนี้ค่าเอฟทีค้างชำระ 1.1 แสนล้านบาทไม่ไหว ต้องทยอยเรียกเก็บคืนรักษา Credit Rating กกพ.เล็งรับมือฟอร์มทีมฝ่ายนโยบาย หาแนวทางออกตั้งเป้า 4 เดือน มีความชัดเจน
- คลังเผย 4 วันแรก ยอดประชาชนลงทะเบียน "ดิจิทัลวอลเล็ต" เกินกว่า 24 ล้านคน เผยผ่านจุดพีกของการลงชื่อแล้ว คาดวันถัดๆ ไป ยอดต่อวันจะไม่สูง ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย ยืนยันแอปฯ "ทางรัฐ" ปลอดภัย มีระบบป้องกัน โจรกรรม มั่นใจ ข้อมูลไม่หลุดออกไป
- สนข. เดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ 1 ล้านล้านบาท ล่าสุดร่าง พ.ร.บ. SEC เสร็จเรียบร้อยแล้ว รอจัดรับฟังความคิดเห็นพร้อมส่งสภาฯ พิจารณาตามขั้นตอน คาดมีผลบังคับใช้ปลายปี 68 เปิดประกวดราคาต้นปี 69 ไม่จำกัด สัดส่วนถือหุ้นต่างชาติ
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ได้พิจารณาเห็นว่าปัจจุบันยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม เนื่องจากรายได้ยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเต็มที่ จึงเห็นควรปรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม โดยมาตรการที่ 1 ผ่อนปรนอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตให้ยังคงอยู่ที่ขั้นต่ำ 8% ของวงเงินสินเชื่อ ต่ออีก 1 ปี สิ้นปี 68 จากเดิมให้กลับสู่เกณฑ์ปกติขั้นต่ำที่ 10% ตั้งแต่ 1 ม.ค.68 เพื่อลดภาระจ่ายหนี้และสภาพคล่องให้ครัวเรือนเปราะบาง ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ผ่อนหนี้ขั้นต่ำมากกว่าหรือเท่ากับ 8% จะได้รับเครดิตเงินคืนเท่าดอกเบี้ย 0.5% ของยอดค้างชำระ สำหรับครึ่งปีแรกและ 0.25% ในครึ่งหลังปี 68 โดยได้คืนทุก 3 เดือน จูงใจให้ลูกหนี้ปิดจบหนี้เร็วขึ้นและมีภาระดอกเบี้ยทั้งสัญญาลดลง สำหรับลูกหนี้ที่เดิมจ่ายขั้นต่ำ 5% แต่ไม่สามารถจ่ายได้ถึง 8% ให้ใช้สิทธิปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเป็นหนี้เสีย โดยเปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาว เพื่อจ่ายชำระเป็นงวด ทั้งนี้ ธปท.ให้ผู้ประกอบการต้องเสนอเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้เพิ่ม เช่น ลดดอกเบี้ย ซึ่ง ธปท.จะให้มีผลใช้เดือน ก.ย.นี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADVANC (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 248.93 บาท เรามอง ADVANC เป็นหุ้นความเสี่ยงต่ำ บริษัทมีความมั่งคง รายได้ผลประกอบการมีเสถียรภาพและจ่ายเงินปันผลสูง เหมาะกับสำหรับกลยุทธ์การลงทุนแบบตั้งรับกับภาวะตลาดที่มีความผันผวนขึ้นในปัจจุบัน ด้านแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/67 เราคาดจะออกมาที่ 8.27 พันลบ. +13.4% YoYจากรายได้ cellularที่เพิ่มขึ้นและการควบคุมต้นทุนที่ทำได้ดีส่งผลให้กำไรใน 1H24 คิดเป็น 55.2% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2567 โดยที่ ARPU ของธุรกิจ cellular คาดมีการปรับตัวขึ้นที่ระดับ 224 บาท (+5.4% YoY,+0.3%QoQ)และ FBBที่ระดับ 501 บาท (+20.9% YoY,+0.9%QoQ)นอกจากนี้บริษัทมีแนวโน้มที่จะให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 2567 ที่ 4.32%
- GPSC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 56.75 บาท แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/67 คาดกำไรฟื้นตัว QoQ เป็นผลจากปริมาณขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั้ง IPP และ SPP รวมถึง ในส่วนของโรงไฟฟ้า SPP มี margin ดีขึ้นจากต้นทุนก๊าซฯ ที่ต่ำลง ขณะที่ค่าฟ้าทรงตัวจากการตรึงค่า Ft ช่วยชดเชยส่วนแบ่งขาดทุนจาก solar AEPL ที่อินเดียที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการ Refinance รวมถึงขาดทุนจาก Offshore wind farm CFXD อยู่จากกระแสลมต่ำ ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3/67 มีโมเมนตัวดีต่อจากการเข้าสู่ฤดูกาลผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนไซยบุรี ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 4.82 พันล้านบาท +31%YoY
- WICE (ไอร่า) แนะนำ"ย่อซื้อ"ราคาเป้าหมาย 7.35/7.60 บาท คาด WICE อาจได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/67 ฟื้นตัวขึ้นต่อจากไตรมาส 1/67 จากกิจกรรมการขนส่งกลับมาดีขึ้นจากช่วง High Season รวมทั้งคาดหวังในการ Restock สินค้าของจีน อาจหนุนทิศทางราคา WICE ปรับตัวขึ้นได้บ้าง