บมจ.มาเธอร์ มาร์เก็ตติง (MOTHER) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายนหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 86,000,000 หุ้น คิดเป็น 30.07% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลัง IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัท พาย แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์การใช้เงิน เพื่อเป็นเงินทุนในการขยายสาขา ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
MOTHER ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค โดยธุรกิจค้าปลีกเป็นการจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคผ่านสำนักงานใหญ่และร้านสาขาชื่อ "Mother Supermarket" และ "Mother Marche" รวม 18 สาขา (รวมสำนักงานใหญ่) ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมถึงบริษัทมีศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 2 แห่งในจังหวัดกระบี่ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค และเป็นสถานที่กระจายสินค้าให้แก่ร้านสาขาของบริษัท
ด้วยการดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่จังหวัดกระบี่ มาเป็นระยะเวลามากกว่า 40 ปี ทำให้บริษัทมีความเข้าใจในวิถีการดำเนินชีวิตและความต้องการสินค้าของคนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับจังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ทำให้มีกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศด้วย ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด "ประหยัด ทันสมัย ใกล้บ้านคุณ" โดยจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคมากกว่า 10,000 รายการ
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 143,000,000 บาท คิดเป็นหุ้นสามัญ 286,000,000 หุ้น เป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 100,000,000 บาท รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที 24 พฤษภาคม 2567 มีกลุ่มครอบครัวโชคชัยวิทัศน์ ถือหุ้น 100% หลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 69.93%
ผลประกอบการปี 64-66 บริษัทมีรายได้ 1,123.08 ล้านบาท 1,195.47 ล้านบาท 1,252.90 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสำหรับปี เท่ากับ 18.44 ล้านบาท 13.80 ล้านบาท และ 15.99 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่งวดไตรมาส 1/67 บริษัทมีรายได้ 345.78 ล้านบาท และมีกำไร 7.50 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน มี.ค.67 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 519.53 ล้านบาท หนี้สินรวม 378.09 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 141.44 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการ และหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้