นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) กล่าวว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 67 ยังคงมีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าปริมาณอ้อยของ KSL ในปี 66/367 จะลดลงราว 20% หรืออยู่ที่ 5.43 ล้านตันอ้อย แต่ราคาขายเฉลี่ยทั้งปีจะเพิ่มขึ้นมากว่า 30% ทำให้ราคาขายน้ำตาลดีขึ้น ซึ่งบริษัทมีสัญญาเตรียมส่งมอบน้ำตาลให้กับลูกค้าไว้แล้วอยู่ที่ระดับ 22-23 เซ็นต์/ปอนด์ ถือว่าเป็นปัจจัยหนุนศักยภาพการทำกำไรของกลุ่มบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ภาพของปี 68 คาดว่าปริมาณการผลิตอ้อยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากผลดีของปรากฏการณ์ลานีญาที่ทำมีฝนตกชุก ช่วยชดเชยผลกระทบต่อราคาอ้อยและน้ำตาลที่ปรับตัวลดลง โดยคาดว่าปริมาณอ้อยในไทยในปี 67/68 จะอยู่ที่ราว 90-100 ล้านตันอ้อย ในส่วนของกลุ่มบริษัท KSL คาดปริมาณอ้อยไว้ที่ราว 6.6 ล้านตันอ้อย เพิ่มขึ้นราว 20% และคาดการณ์ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปี 67/68 ย่อลงมาที่ 20-21 เซ็นต์/ปอนด์
นอกจากนั้น โรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ จังหวัดสระแก้ว มีกำลังการผลิต 20,000 ตันอ้อย/วัน และมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 35 เมกะวัตต์/วัน ปัจจุบันการก่อสร้างเป็นไปตามแผน พร้อมเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือน ธ.ค.67 และคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตในปี 67/68 กว่า 5-6 แสนตันอ้อย/ปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่หนุนต่อผลการดำเนินงานของ KSL ในปีหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสทางธุรกิจจากการพัฒนาและต่อยอดกลุ่มธุรกิจปลายน้ำ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ Kane?s (เคนส์) ซึ่งเป็นน้ำตาลที่สามารถดูดซึมช้า (Low GI) ช่วยลดความอยากน้ำตาลต่อวันลง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน และโรคไต ปัจจุบันน้ำตาล Low GI ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทั้งกลุ่มรายย่อยที่นำไปใช้ในครัวเรือน และกลุ่มธุรกิจที่มองเห็นโอกาสในการนำน้ำตาล Low GI ไปต่อ ยอดสู่ผู้ประกอบธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
โดยที่บริษัทสามารถผลิตน้ำตาล Low GI ได้ราว 1 พันตัน/ปี ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง สามารถตอบรับเทรนด์การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอาหารเพื่อสุขภาพที่อร่อยและมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน ถือเป็นอีก 1 ผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัท