นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ลุ้นรีบาวด์ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาเช้านี้รีบาวด์กลับขึ้นมา หลังจากเมื่อวานปรับตัวลงแรง ซึ่งตลาดอาจคลายกังวลลงไปบ้างหลังจากที่ดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐเมื่อคืนนี้ออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดไว้ ทำให้มีโอกาสที่การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ของสหรัฐยังไม่รุนแรงมาก
อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดหุ้นไทยเองยังคงต้องติดตามปับจัยการเมืองในประเทศ ซึ่งอาจจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทย รวมถึงการรายงานผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมา
โดยให้แนวต้าน 1,290-1,300 จุด แนวรับ 1,260-1,270 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (5 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,703.27 จุด ลดลง 1,033.99 จุด หรือ -2.60%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,186.33 จุด ลดลง 160.23 จุด หรือ -3.00% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,200.08 จุด ลดลง 576.08 จุด หรือ -3.43%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ 32,077.33 จุด เพิ่มขึ้น 618.91 จุด หรือ +1.97%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 16,861.30 จุด เพิ่มขึ้น 162.94 จุด หรือ +0.98% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 2,878.65 จุด เพิ่มขึ้น 17.95 จุด หรือ +0.63%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ส.ค.) 1,274.67 จุด ลดลง 38.41 จุด (-2.93%) มูลค่าซื้อขายราว 58,797.84 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 99.16 ล้านบาท (5 ส.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. (5 ส.ค.) ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.79% ปิดที่ 72.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ส.ค.) อยู่ที่ 5.23 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.49 อ่อนค่า รับดอลลาร์แข็งค่าหลังตัวเลขศก.ออกมาดีคลายกังวลภาวะศก.ถดถอย
- "แบล็กมันเดย์" ตลาดหุ้น ดิ่งหนักทั่วโลก จากแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก นิกเกอิปิดลบวันเดียวมากกว่า 4 พันจุด "ยูบีเอส" เตือนระวังเข้าซื้อหุ้นญี่ปุ่น "โกลด์แมนแซคส์" เพิ่มน้ำหนักสหรัฐเข้าภาวะเศรษฐกิจถดถอย "คลัง-ตลท." ชี้หุ้นไทย ร่วงตามภูมิภาค ยืนยันกองทุนวายุภักษ์ ได้ข้อสรุป ต.ค.นี้ "ซีไอเอ็มบีไทย" หวั่นสหรัฐ ถดถอยลามกระทบไทย
- "คลัง" เปิดรับฟังร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ดึงยักษ์ใหญ่ต้องมีทุนชำระแล้ว 1 หมื่นล้าน บูมเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ชิงสัมปทาน 30 ปี ต่ออายุทุก 10 ปี เปิดมิติใหม่การท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ภาครัฐ จากภาษี วางเกณฑ์ให้คนไทยที่จะใช้บริการต้องทำสมาชิกรายปี หากจะเข้ากาสิโน เสียเพิ่ม ครั้งละ 5,000 บาท
- ธปท. กล่าวยืนยันถึงการปรับมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ในส่วนของการชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ โดยมาตรการล่าสุดได้คงอัตราการผ่อนส่งหนี้ขั้นต่ำไว้ที่ 8% ไปจนถึงสิ้นปี 2568 จากเดิมที่จะต้องเพิ่มอัตราการผ่อนส่งขั้นต่ำเป็น 10% ว่า ธปท.ได้พิจารณาจากความสามารถในการผ่อนชำระจริงของผู้ถือบัตรเครดิตโดยรวม โดยพบว่า จากผู้ใช้บัตรเครดิต 100% ลูกหนี้ 80% สามารถผ่อนชำระรายได้ได้เกิน 10% ของวงเงินสินเชื่อ ในขณะที่อีก 13% สามารถผ่อนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 8-10% และมีประมาณ 7% ที่ผ่อนได้ต่ำกว่าขั้นต่ำ 8%
- ส.อ.ท.เปิดโพลสะท้อนธุรกิจ-ยอดขาย ชี้ครึ่งปีแรกยังทรงตัว ลามครึ่งหลังของปีไม่เปลี่ยนแปลง ชี้ขึ้นค่าแรง 400 บาท ต้นทุนพลังงานขนส่ง และสินค้าต่างประเทศทะลักเข้าไทยเป็นผลกระทบหลัก หวังรัฐหนุนการจ่ายค่าจ้างตามทักษะ พร้อมส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ
- "ซีไอเอ็มบีไทย" ชี้รายใหญ่ แห่ลงทุนพุ่ง ล่าสุดอยู่ระหว่างขอ "สินเชื่อ" เพื่อขยายลงทุน "อาเซียน" เฉียด 1.8 หมื่นล้าน ใน 3 ประเทศ "สิงคโปร์-อินโดนีเซีย-มาเลเซีย" ขณะที่ภาคธุรกิจหันลงทุนในไทยเพิ่มในกลุ่มอุตสาหกรรม "เอไอ-ดาต้าเซนเตอร์-เฮลท์แคร์" คาดหนุนสินเชื่อรายใหญ่ปีนี้แตะ 1 แสนล้าน
- "กรมธุรกิจพลังงาน" เผยยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรอบครึ่งแรกปีนี้เฉลี่ยวันละ 156.68 ล้านลิตร ลดลง 0.05% หลังการใช้กลุ่มเบนซิน-NGV-น้ำมันเตาหดตัวลง ขณะที่กลุ่มดีเซล Jet A1 และ LPG เพิ่มสูงขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCB (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 102.5 บาท อัพไซท์ของราคาหุ้นถึงราคาเป้าหมายอาจไม่ได้มาก แต่คาดจ่ายเงินปันผลสูงถึงราว 10 บาท ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลถึงเกือบ 10% คำนวณจากราคาหุ้นปิดล่าสุด เชื่อเงินปันผลสูงจะช่วยเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ราคาหุ้นลงหนักตามตลาด ไม่แนะนำซื้อไล่ราคา แต่มองหากราคาลงหนัก เชื่อว่า SCBมีความน่าสนใจเนื่องจากมองเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ มีความมั่นคงและเสถียรภาพ ในอดีตที่ผ่านมาการจ่ายเงินปันผลสูงและมีความสม่ำเสมอ ดังนั้นแนะนำเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ควรติดตามช่วงตลาดปรับลงแรง
- PRTR (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6.60 บาท รายงานกำไรไตรมาส 2/67 ทำสถิติใหม่ที่ 57 ล้านบาท (+3.5%q-q, +9.7%y-y) โดยจำนวนพนักงาน Outsource ยังคงปรับขึ้น +5.3%q-q สู่ 18,153 คน (เกือบเท่ากับเป้าปีนี้ของเรา)คาดแนวโน้มไตรมาส 3/67 และไตรมาส 4/67 ยังทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากตัวเลขพนักงานที่เพิ่มขึ้น และเข้าสู่ช่วง Seasonal ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดเพียง PE 9.7 เท่า เป็นระดับที่น่าทยอยสะสม
- BGRIM (ไอร่า) ราคาเป้าหมาย 23.50/24.00 บาท แนะนำรอเข้าซื้อ BGRIM เมื่อราคาอ่อนตัวลงตามแนวรับสำคัญ โดยเรามองหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าเป็นหุ้นในกลุ่ม Defensive ขณะที่เรามองว่าหุ้นในกลุ่มโรงฟ้ามีปัจจัยจำกัด Downside จากการส่งสัญญาณเปิดรับซื้อพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 กำลังการผลิตรวม 3,668 เมกะวัตต์ ของคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ขณะที่การแข็งค่าของค่าเงินบาทจากโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ช่วยส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของ BGRIM ปรับลดลง แนะนำ "รอซื้อที่แนวรับสำคัญ" แนวรับ 20.90 / 20.30 บาท