FTI เซ็น MOU ศึกษาแผนร่วมทุน "ANGEL" บิ๊กระบบกรองน้ำไฮเอนด์จากจีนเสริมศักยภาพค้าปลีก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 6, 2024 11:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (FTI) เปิดเผยว่า บริษัทลงนามในบันทึกความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ (MOU) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และแผนธุรกิจของโครงการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ ANGEL HEALTH TECHNOLOGY PRIVATE LIMITED (ANGEL) ซึ่งเป็นบริษัทจัดตั้งตามกฎหมายประเทศสิงคโปร์ และมีบริษัทแม่ตั้งอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และแผนธุรกิจในการร่วมทุนจัดตั้งบริษัท เพื่อดำเนินธุรกิจนำเข้า, ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำบัดน้ำครบวงจรในระดับไฮเอนด์ รวมถึงการให้บริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีกรอบระยะเวลา MOU 180 วันนับตั้งแต่วันที่ลงนาม

การลงนาม MOU ในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจค้าปลีกระบบกรองน้ำให้กับ FTI เนื่องจาก ANGEL เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบกรองน้ำระดับไฮเอนด์ มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการทำตลาดค้าปลีกมาอย่างยาวนาน ด้วยผลิตภัฑณ์ที่ได้รับการออกแบบให้ทันสมัย มาพร้อมเทคโนโลยี เหมาะสมสำหรับผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง มี lifestyle ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่หรู ดูดี สามารถตอบสนองความต้องการได้ทั้งในด้านการใช้งาน และภาพลักษณ์ที่ดี ด้วยประสบการณ์กว่า 37 ปี มีจำนวนช่องทางจำหน่ายผ่านร้านค้ามากกว่า 10,000 แห่งใน 65 ประเทศทั่วโลก

และที่สำคัญ ANGEL มีฐานการผลิตหลักในประเทศจีน 3 แห่ง และในประเทศมาเลเซีย 1 แห่ง โดยฐานการผลิตที่เมือง Shaoxing มีพื้นที่ประมาณ 600,000 ตารางเมตร นับเป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบกับ ANGEL ให้ความสำคัญกับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงประสิทธิภาพที่สูง สามารถนำไปใช้งานได้อย่างเหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานในพื้นที่จำกัด และยังมีห้องปฏิบัติการวิจัยคุณภาพน้ำในประเทศจีนอีกด้วย

"จุดแข็งของ FTI มาจากการเติบโตของธุรกิจค้าส่ง ขณะที่ตลาดค้าปลีกเราเริ่มทำตลาดได้ไม่นาน จึงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะหนึ่งในการพัฒนา ซึ่งการร่วมมือกับ ANGEL ซึ่งมีความพร้อมทั้งในด้านของประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีก และฐานการผลิต รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมระบบกรองน้ำที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูงอย่างต่อเนื่อง เราจึงคาดหวังว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการให้กับกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงผ่านการทำตลาดค้าปลีก และโมเดิร์นเทรดให้แพร่หลายมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น สามารถต่อยอดการเติบโตให้กับ FTI ได้ในอนาคต" นายวิกร กล่าว

ขณะที่ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2/67 บริษัทฯ มีรายได้รวม 422.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.73 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 399.39 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 21.62 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ