นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ 186.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.18% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 139.28 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,227.05 ล้านบาท
ขณะที่ งวดไตรมาส 2/67 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 85.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.91 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 605.25 ล้านบาท
ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้กำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวลและประเภทเชื้อเพลิงขยะ จำนวน 8 แห่ง กำลังการผลิตรวม 90.2 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG มีกำลังการผลิตติดตั้ง 80.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ นนทบุรี (SPNT) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์
"ผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปี 67 บริษัทฯ สามารถทำกำไรเติบโตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการบริหารจัดการที่ดี รวมทั้งการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าทั้ง 8 แห่ง และจากการขายโรงไฟฟ้าที่มีผลประกอบการที่ขาดทุนออกไป" นางกนกทิพย์ กล่าว
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง TPCH เดินหน้าลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศ โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ปัจจุบันโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ หนองสาหร่าย (SPNS) มีกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ นากลาง (SPNK) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ได้เซ็น PPA เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้มี PPA ในส่วนของโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานขยะเพิ่มเป็น 29.3 เมกะวัตต์ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มุ่งพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เพิ่มประมาณ 4 โครงการ ประกอบด้วย SP4-SP7 เป็นโครงการรูปแบบ VSPP (Very Small Power Producer)
ส่วนการลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนในต่างประเทศ บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว โดยเข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จำกัด (MKP) ในสัดส่วน 40% ที่ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว และ MKP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันได้มีการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมก่อสร้างและได้เริ่มงานด้านโครงสร้างและรั้วกั้นโซนติดตั้งสถานีไฟฟ้า (Substation) บางส่วนแล้ว และมีการเซ็นสัญญางานวิศวกรรม งานจัดซื้อ และงานก่อสร้าง (Engineering, Procurement and Construction (EPC Contract) กับผู้รับเหมาจากประเทศจีน พร้อมมีแผนที่จะส่งไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ไปจำหน่ายในประเทศเวียดนามอีกหนึ่งโครงการ
สำหรับการลงทุนในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต โดยตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ประมาณ 180-200 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลม ประมาณ 50-100 เมกะวัตต์
"ในครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศและต่างประเทศตามแผน นอกจากนี้ ยังคงเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2569 แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าในประเทศ 150 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานชีวมวล 80 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าประเภทพลังงานขยะ 70 เมกะวัตต์ และโครงการในต่างประเทศ เป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม 350 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 110 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลและพลังงานขยะ " นายเชิดศักดิ์ กล่าว