นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายควบคุมการเงิน และ บริหารความเสี่ยง บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) กล่าวว่า ภาพรวมในครึ่งปีหลังยังคงมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องของกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่ฟื้นกลับมาอย่างเต็มที่ ประกอบกับภาระหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับที่สูง ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ธุรกิจของกลุ่มทิสโก้จะมีการดำเนินงานอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สมหวังเงินสั่งได้ ซึ่งเป็นกลุ่มสินเชื่อ High yield loan ที่อาจจะระมัดระวังมากขึ้นในการให้สินเชื่อ เพื่อควบคุมคุณภาพของพอร์ต และเพื่อคงความความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจดังกล่าว
ขณะเดียวกันยังคงมีผลกระทบของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศที่ยอดขายเกิดการชะลอตัว ทำให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีการชะลอตัวลงตาม และธนาคารเองก็มีความระมัดระวังในการให้สินเชื่อมากขึ้น จากภาวะของเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้า และหันมาเน้นในกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูงมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อย และในส่วนของสินเชื่อธุรกิจยังคงมีการเบิกใช้สินเชื่อต่อเนื่อง ซึ่งมาจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ไตรมาส 2/67 ทำให้ภาพของสินเชื่อในปีนี้ยังคงทรงตัวได้ใกล้เคียงกับปีก่อน
ส่วนแนวโน้มของสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้นต่อจากไตรมาส 2/67 ที่อยู่ในระดับ 2.44% จากภาวะของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลง และอาจจะมีผลต่อการตั้งสำรองฯในช่วงครึ่งปีหลังที่อาจจะยังต้องมีการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นต่อเล็กน้อย ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อไม่เร่งการรุกขยายมาก
ด้านธุรกิจการบริหารจัดการสินทรัพย์ยังคงมีการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้บริการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ยังคงมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับบองค์กรต่างๆ แต่ในส่วนของการซื้อขายกองทุนรวมในช่วงที่ผ่านมาอาจจะยังไม่คึกคักมากตามภาวะของตลาดที่ยังมีความผันผวนค่อนข้างมาก แต่อาจจะกลับมาคึกคักในช่วงปลายปีที่มีการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเข้ามาหนุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ยังคงชะลอตัว ตามภาพของตลาดหุ้นและมูลค่าซื้อขายที่ชะลอตัว ซึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ทำให้การฟื้นตัวของธุรกิจหลักทรัพย์ยังไม่กลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มทิสโก้ยังคงรักษาการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในระดับที่สูงได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของกลุ่มทิสโก้ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะสถานะของเงินกองทุนที่อยู่ในระดับสูง แม้ว่าการให้สินเชื่อยังไม่กลับมาเติบโตก็ตาม แต่ยังมีความสามารถในการที่นำกำไรของกลุ่มกลับมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างเต็มที่