นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิทำได้ 102 ล้านบาท ลดลง 34.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และถ้าเทียบกับไตรมาสก่อน ชะลอตัวลง 11.9 % เนื่องจากมีส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงจากธุรกิจใหม่ที่บริษัทเข้าลงทุน
บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 538 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่มีรายได้ 499 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจหลัก 4 กลุ่มธุรกิจเติบโตได้ดีแม้เป็นโลว์ซีซันของธุรกิจโลจิสติกส์
แต่ผลประกอบการของ ANI ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ระวางสำหรับเส้นทางขนส่งต่อ (Transit) สู่ภูมิภาคยุโรป และอเมริกา ซึ่งมีความต้องการสูงแต่มีปริมาณพื้นที่ระวางในการให้บริการจำกัด ส่งผลทำให้เส้นทางขนส่งที่ให้บริการเป็นส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชียซึ่งมีอัตรากำไรต่ำกว่าภูมิภาคยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่ง ANI ได้วางแผนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับความต้องการที่เกิดขึ้น คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยมาจากผลการดำเนินงานของบริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ซึ่งเป็นผลกระทบเพียงระยะสั้นจากการลงทุนเพิ่มทั้งด้านการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ และด้านบุคลากร เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวและปริมาณเที่ยวบินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ รวมไปถึงโอกาสในการขยายธุรกิจและการให้บริการในอนาคต
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 67 กำไรสุทธิ 219 ล้านบาท ชะลอตัว 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 301 ล้านบาท แม้รายได้จากการขายและให้บริการรวม 1,038 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 878 ล้านบาท
ปัจจัยหลักของรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการที่ธุรกิจหลัก 4 กลุ่มธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติดต่อกันนับจากไตรมาส 4/2566 โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศแบบขายส่ง (Wholesale Freight Forwarder) ที่บริษัทฯ มุ่งเน้นขยายการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าแบบ Transit ในระดับภูมิภาคที่เติบโตตามการขยายตัวของตลาดสินค้า e-Commerce จากประเทศจีนและปริมาณความต้องการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย
นายทิพย์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 67 มีแนวโน้มเติบโตจากครึ่งปีแรกอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งธุรกิจหลัก 4 กลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight Business) จากการรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศโดยมีประเทศไทยเป็นฮับของภูมิภาค โดยโฟกัสกลุ่มสินค้า e-Commerce และจากปัจจัยความกังวลเหตุความขัดแย้งในทะเลแดงที่ยังไม่คลี่คลาย มีส่วนผลักดันให้ค่าระวางขนส่งสินค้าทางอากาศปรับเพิ่มขึ้น ตลอดจนปัจจัยบวกจากช่วงครึ่งปีหลังที่เป็นไฮซีซัน
ดังนั้นแผนธุรกิจครึ่งปีหลังของบริษัทยังคงเดินหน้ายุทธศาสตร์ Logistics and Beyond โดยเตรียมพัฒนา Multimodal Transportation หรือการขนส่งสินค้าหลายรูปแบบ เพื่อเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าทางอากาศในภูมิภาคที่รวบรวมสินค้าจากจีนและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนกระจายไปยังประเทศอื่นๆ ผ่านการ Synergy ระหว่างบริษัทฯ และ ANI ผู้นำธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาค เพื่อใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าและพื้นที่ระวางขนส่งสินค้าร่วมกัน รวมถึงศูนย์กลางขนส่งสินค้าทางรถบรรทุกเพื่อรับสินค้าจากจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มายังสนามบินสุวรรณภูมิ
นอกจากนี้ บริษัทจะร่วมมือกับ ANI พัฒนา Cargo Airline หรือสายการบินสำหรับขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำ เพื่อตอบสนองดีมานด์การขนส่งสินค้าทางอากาศในเส้นทางที่มีอัตราทำกำไรสูง คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ปลายปีนี้หรือต้นปี 2568 ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ระวางสินค้าแบบ Transit สู่ภูมิภาคยุโรป และอเมริกา และบางเส้นทางในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีความต้องการพื้นที่ระวางสูงแต่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ และเป็นเส้นทางที่มีอัตราทำกำไรที่ดี
ส่วน AOTGA ที่บริษัทฯ ลงทุนผ่าน บริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) หรือ SAL ได้เปิดให้บริการคลังสินค้ารองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Warehouse) ตั้งแต่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา บนพื้นที่เกือบ 5,000 ตารางเมตร ของศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า (โซน 3) ในเขตปลอดอากรของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย AOTGA ยังเตรียมยื่นประมูลการคัดเลือกผู้ให้บริการภาคพื้นดินของสนามบินสุวรรณภูมิรายที่ 3 ในเร็วๆ นี้
"จากแผนธุรกิจดังกล่าวเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปี 67 จะเติบโตมากกว่า 10% โดยทริพเพิล ไอ ยังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจด้วยยุทธศาสตร์ Logistics and Beyond ในรูปแบบการ Synergy ระหว่างบริษัทในกลุ่ม การร่วมทุนและเข้าซื้อกิจการ โดยเน้นพัฒนาการให้บริการโลจิสติกส์รูปแบบใหม่ทั้งในประเทศและภูมิภาคให้ครอบคลุมและหลากหลาย เพื่อเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย" นายทิพย์ กล่าว