นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.)เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดพักตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากไร้ปัจจัยบวกใหม่ในระยะสั้น และยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยอยู่ โดยต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐกันต่อ วันนี้จะมีการเปิดตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และในสัปดาห์หน้าจะมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐหลายตัว หากยังออกมาแย่ต่อ จะเป็นแรงกดดันต่อตลาดเพิ่มเติม
ขณะที่วานนี้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย สั่งยุบพรรคก้าวไกล เป็นไปตามคาด และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาด โดยตลาดน่าจะยังรอดูการพิจารณาคดีถอดถอนนายรัฐมนตรี รวมถึงติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนไทยโค้งสุดท้ายในสัปดาห์หน้า
ให้แนวรับที่ 1,285-1,280 จุด และแนวต้าน 1,295 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (7 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,763.45 จุด ลดลง 234.21 จุด หรือ -0.60%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,199.50 จุด ลดลง 40.53 จุด หรือ -0.77% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,195.81 จุด ลดลง 171.05 จุด หรือ -1.05%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ 34,645.79 จุด ลดลง 443.83 จุด หรือ -1.26%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 16,773.04 จุด ลดลง 104.82 จุด หรือ -0.62% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 2,864.76 จุด ลดลง 5.07 จุด หรือ -0.17
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ส.ค.) 1,290.55 จุด เพิ่มขึ้น 16.54 จุด (+1.30%) มูลค่าซื้อขายราว 40,061.33 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,692.64 ล้านบาท (7 ส.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.(7 ส.ค.) เพิ่มขึ้น 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.77% ปิดที่ 75.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ส.ค.) อยู่ที่ 5.49 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.60 แนวโน้มผันผวนทางอ่อนค่า ตลาดรอประเมินความชัดเจนทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ
- กกร.เผยนักลงทุนต่างชาติ กังวลปัจจัยการเมืองไทยไม่นิ่ง หวั่นกระทบการตัดสินใจตั้งฐานผลิต ระบุแม้เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น แต่ฐานะภาคเอกชนต้องการความต่อเนื่องผลักดันนโยบายรัฐบาล
- กกร.ห่วงภาคการผลิตหดตัว ชี้สถิติปิดโรงงานทะลุ 100 กว่าแห่งต่อเดือน กังวลหนี้ครัวเรือนพุ่งแนะรัฐลงทุนเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ส่วนเงินเฟ้อเดือน ก.ค.พุ่งติดต่อเป็นเดือนที่สี่
- "อุตสาหรรม" เตรียมถก "คลัง-พาณิชย์" หามาตรการป้องกันสินค้าจีนไม่ได้มาตรฐานทะลักเข้าไทย ด้าน "กกร." รับเศรษฐกิจโลกแผ่วกดครึ่งหลังปี 67 ไม่บูม ยืนกรอบจีดีพีปีนี้โตแค่ 2.2% พร้อมจับตาสินค้าจีนทุ่มตลาดกด SME ล้มระนาว ผงะ! 6 เดือนปิดโรงงานฉ่ำ 667 แห่ง
- สัญญาณดีฟันด์โฟลว์ไหลเข้าไทย แรงซื้อบอนด์สูง หลังเฟดเตรียมลดดอกเบี้ย ตลท. ไม่ห่วงการเมือง ชี้รัฐบาลยังเดินหน้ามาตรการได้ ชูหุ้นไทยมีอัพไซด์ ต่างชาติ 50 ราย ตอบรับเข้างานไทยแลนด์โฟกัส ด้านขุนคลังเดินหน้าวายุภักษ์ มั่นใจฟื้นตลาดหุ้น ขณะที่ "ออมสิน" รับสนใจลงทุนเหตุหุ้นไทยถูก
- 6 เดือนแรกปีนี้ไทยขาดดุลการค้าจีนไปแล้วเฉียด 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 7 แสนล้านบาท หลังสินค้าจีนราคาถูกทะลักเข้าไทยส่งผลกระทบ 23 กลุ่มอุตฯ ในประเทศ แถมโดนซ้ำเติมจากยักษ์อีคอมเมิร์ซจีน "TEMU" ถล่ม SME ไทยจนต้องปิดกิจการเพิ่มขึ้นจากที่ปิดโรงงานไปแล้ว 667 แห่ง ด้าน กกร.จี้ให้รัฐตรวจเข้มสินค้าด้อยคุณภาพและเลี่ยงภาษีจากจีนด่วน
- รมช.คลัง เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะเริ่มใช้จ่ายได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบเวลา ที่จะมีการใช้จ่ายภายในไตรมาส 4 ล่าสุด มีประชาชนมาลงทะเบียนแล้ว 26 ล้านคน และได้ทยอยลงทะเบียนอย่างต่อเนื่อง คาดว่ายอดจะอยู่ที่ 45 ล้านคน ส่วนข้อกังวลเกี่ยวความปลอดภัยของแอปพลิเคชันทางรัฐ ขอยืนยันว่าแอปทางรัฐมีความปลอดภัยสูงสุดระดับมาตรฐานสากล ส่วนเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะบัญชีการเงิน แอปทางรัฐไม่ได้เข้าถึงข้อมูลตรง เพียงแต่จะได้รับคำตอบว่าบุคคลนี้ผ่านเกณฑ์เข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ โดยไม่ทราบจำนวนเงินฝากของประชาชนแต่อย่างใด
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPNREIT (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐานที่ 13.00 บาท ดัชนี SETPREIT ปรับตัวขึ้น 11% ในช่วง 1.5 เดือนที่ผ่านมา สวนทาง SET Index ที่ลดลง 2.2% จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลดลง เราชอบ CPNREIT ด้วยอายุสัญญาเช่าเฉลี่ย 26 ปี และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนราว 8.5%
- TU (อินโนเวสท์เอกซ์) วันนี้แนะนำราคาซื้อไม่เกิน 14.50 บาท กำไรปกติ ไตรมาส 2/67 ออกมาสูงกว่าคาด ขณะที่ ไตรมาส 3/67 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น โดยจะเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY จากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ดีขึ้น อีกทั้งมองได้ผลบวกเล็กน้อยจากการทำสัญญากู้เงินฉบับใหม่กับ ITC (จะมี upside 0.4-1.4% จากต้นทุนการเงินที่ลดลง)
- KTB (ไอร่า) "ซื้อเล่นสั้น" ราคาเป้าหมาย 18.60/19.00 บาท คาดผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 67 คาดจะมีโอกาสทำได้ดีกว่าที่เราคาดไว้จาก NIM อาจจะสามารถรักษาระดับเดียวกับช่วงครึ่งแรกของปี 67 จาก KTB หันมาเน้นสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น และสินเชื่อภาครัฐจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทางเทคนิค ราคาอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับที่เส้นแนวโน้มขาขึ้นแล้วเริ่มวกตัวขึ้น ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD, RSI และ SSTO เริ่มวกตัวขึ้น ทำให้คาดว่าราคามีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นได้