นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทงวดไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,243 ล้านบาท เติบโต 518% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากบันทึกกำไรจากการจำหน่ายไปซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่น
ขณะที่มีรายได้รวม 1,084 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป. ลาวที่กลับมาดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย.66 และโครงการคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือที่กลุ่มบริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการตั้งแต่เดือนมิ.ย.66 ช่วยปิดผลกระทบจากการสิ้นสุดการได้รับค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (adder) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย
และ ผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 67 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบันทึกรายการกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด
"สำหรับไตรมาส 2/67 การดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งเรื่องของรายได้ส่วนเพิ่มที่มาชดเชย adder ที่หมดลง รวมถึง บริษัทฯ สามารถปิดดีลจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 9 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 117 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อนำเงินสดที่ได้ไปลงทุนและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ได้ผลตอบแทนสูงต่อไป" นายนิวัติ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 1,959 เมกะวัตต์ โดยเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้ว 1,183 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างพัฒนา 776 เมกะวัตต์