นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ภัยธรรมชาติ สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคประชาชน และนับเป็นปีแห่งความท้าทายอย่างมาก ฃ
บริษัทได้มีการคิดค้น วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ในปัจจุบัน ส่งผลให้การดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ 54.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.88% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 51.91 ล้านบาท และมีรายได้รวม 141.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.14% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน มีรายได้รวม 130.39 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น มาจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) และธุรกิจนายหน้าประภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business)
ขณะที่ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปี 2567 มีรายได้รวม 60.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 23.93 ล้านบาท
"ผลประกอบการในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ TQR ยังทำผลงานออกมาได้ดี จากการบริหารงานได้ตามแผน พร้อมทั้ง การประเมินความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ ความต้องการของลูกค้าและคู่ค้าอยู่เสมอ ประกอบกับ ธุรกิจประกันภัยไซเบอร์ที่ทำร่วมกับ บริษัท อัลฟ่าเซคฯ มีการเติบโตที่ดีและมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ มั่นใจว่า ทั้งการคิดค้นผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ๆ และบริษัทร่วมทุน จะช่วยสนับสนุนให้ผลงานในปี 2567 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้" นายชนะพันธุ์ กล่าว
นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQR กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังของปี 2567 บริษัทฯ ยังมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับ บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) (TQM) ทั้งประกันภัยต่อสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident and Health), ประกันภัยไซเบอร์ (Cyber), ประกันภัยความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหาร (Directors and Officers), ประกันภัยต่อการก่อการร้ายและภัยทางการเมือง (Political violence) รวมทั้ง ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
ขณะเดียวกัน บริษัท อัลฟ่าเซค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน โดย TQR ถือหุ้นในสัดส่วน 30% เพื่อประกอบธุรกิจประกันภัยไซเบอร์ มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากฐานลูกค้าในกลุ่ม Software provider, Manufacturing, Financial และ กลุ่มโรงพยาบาล เป็นต้น พร้อมทั้ง มีการเจรจาทางธุรกิจ เพื่อขยายไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติม และมีแผนที่จะขยายไปในประกันภัยด้าน Digital Asset ในอนาคต สำหรับธุรกิจให้บริการ (Service) ของบริษัท อาร์สแควร์ จำกัด ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการแล้วจำนวน 4 ราย และอยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติมอีกประมาณ 3 ราย คาดว่า จะเห็นความชัดเจน 1-2 ราย ภายในปีนี้
ส่วนแผนการเข้าลงทุน ในรูปแบบ M&A กับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก ขณะนี้ อยู่ระหว่างการเข้าศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ คาดว่า จะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ 1-2 ราย