ทั้งนี้ นายปิยสวัสดิ์ เชื่อมั่นว่า THAI จะดำเนินการได้ตามเงื่อนไขในการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ได้แก่ 1) กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา (EBITDA)หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน ในช่วง 12 เดือนให้เกิน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในงวด 6 เดือน มี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน อยู่ที่ 18,402 ล้านบาท และคาดว่าครึ่งปีหลังจะทำได้ดีกว่าครึ่งปีแรก
และ 2) ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวกจาก ณ สิ้นเดือน มิ.ย.67 ยังติดลบ 40,430 ล้านบาท คาดว่าส่วนของทุนจะเป็นบวกจากผลประกอบการที่ฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งในครึ่งปีหลังเชื่อว่าส่วนของผู้ถือหุ้นจะติดลบน้อยลง ขณะเดียวกันบริษัทจะเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟู คือ การแปลงหนี้เป็นทุน และออกหุ้นเพิ่มทุน
- การแปลงหนี้สัดส่วน 100% เป็นทุนในราคาแปลงหนี้เป็นทุน 2.5452 บาท/หุ้น ได้แก่กระทรวงการคลังที่จะแปลงหนี้ในสัดส่วน 24.50% ของมูลหนี้เป็นทุน 5,040 ล้านหุ้น เป็นเงิน 12,827 ล้านบาท และ เจ้าหนี้สถาบันการเงินและเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ แปลงหนี้สัดส่วน 24.50% ของมูลหนี้เป็นทุน รวมเป็น 9,822 ล้านหุ้น เป็นเงิน 25,000 ล้านบาท ส่วนดอกเบี้ยตั้งพัก ก็มีสิทธิแปลงหนี้เป็นทุน 1,904 ล้านหุ้น
- ออกหุ้นเพิ่มทุน ประมาณไม่น้อยกว่า 9,822 ล้านหุ้นที่จะขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม พนักงานการบินไทย นักลงทุนวงจำกัด (PP) ราคาไม่ต่ำกว่า 2.5452 บาท/หุ้น และหากยังมีส่วนที่เจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุนไม่หมดก็จะมีจำนวนหุ้นเพิ่มทุนมากขึ้น
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า คาดว่าจากการแปลงหนี้เป็นทุนและออกหุ้นเพิ่มทุน บริษัทจะมีส่วนทุนเข้ามา ประมาณ 31,500 ล้านบาท และเมื่อรวมกับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจะช่วยให้บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก
"ทั้งหมดนี้ จะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 31 ธ.ค.67 ในส่วนการขายหุ้นเพิ่มทุน แผนระบุว่าราคากำหนดไม่ต่ำกว่า 2.5452 บาท/หุ้น ซึ่งถ้าได้ราคานั้นก็จะได้เงินมา 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็หมายความทุนกลับมาเป็นบวกแน่นอนภายใน 31 ธ.ค.67 แต่กว่าจะเห็นงบผ่านผู้สอบบัญชีในปลายเดือน ก.พ. ก็คิดว่าเราสามารถยื่นศาลออกจากแผนได้ในไตรมาส 2 ปีหน้า?และสามารถยื่นขอเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในไตรมาส 2 ปี 68 "ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการกล่าว
ด้านนายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THAI กล่าวว่า บริษัทได้ดำเนินการเจรจาดึงพันธมิตรใหม่เข้ามาถือหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทมากกว่า 1 ราย โดยบริษัทต้องการพาร์ทเนอร์ที่ช่วยเพิ่ม Value กับการบินไทย
ทั้งนี้ หลังจากแปลงหนี้เป็นทุนและขายหุ้นเพิ่มทุนแล้ว กระทรวงการคลังจะมีสัดส่วนถือหุ้น ประมาณ 33-40% ส่วนเจ้าหนี้จะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 30%