นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯและบริษัทย่อย ในงวด 6 เดือนแรกของปี 67 มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 625.37 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 970.81 ล้านบาท
โดยมีรายได้จากการขาย จากการขนส่ง และการให้บริการ 44,177.71 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 66 ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 45,153.35 ล้านบาท ลดลง 975.64 ล้านบาท หรือ 2.16% รายได้โดยรวมที่ลดลงมีสาเหตุหลักจากปริมาณขายที่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ราคาเฉลี่ยโดยรวมสำหรับ 6 เดือนของปี 67 และงวดเดียวกันของปี 66 ราคาก๊าซ LPG ราคาก๊าซเฉลี่ยเท่ากันที่ 611 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน
ขณะที่ผลประกอบการในงวดไตรมาส 2/67 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขาย จากการขนส่ง และการให้บริการ 20,917.02 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 66 ที่มีรายได้ 20,495.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 421.34 ล้านบาท หรือ 2.06% รายได้โดยรวมเพิ่มขึ้นสาเหตุจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) โดยรวมสูงกว่าปีก่อน ราคาก๊าซ LPG โดยเฉลี่ยไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 591 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ขณะที่ในงวดเดียวกันของปีก่อน ราคาก๊าซเฉลี่ยเท่ากับ 517 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน โดยมีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 10.36 ล้านบาท ลดลงมากถึง 1,244.21 ล้านบาท หรือ 99.17% เทียบกับงวดเดียวกันของปี 66 ที่มีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 1,254.57 ล้านบาท
นางจินตณา กล่าว ปีนี้บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายก๊าซ LPG 4 ล้านตัน หนุนรายได้โต 11-12% เชื่อว่าผลประกอบการทั้งปีจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าผลประกอบการมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ อย่างไรก็ดี บริษัทได้เร่งทำยอดขายในประเทศจีน และคาดว่าตลาดเวียดนาม มีแนวโน้มดีขึ้น นอกจากนี้ ได้มีการเปิดตลาดใหม่ๆ เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ และบังคลาเทศ เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการขยายคลังก๊าซ LPG ที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย และเวียดนาม
ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของ SGP มาจากการจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศ 75% และ 25% เป็นจำหน่ายก๊าซ LPG ในประเทศไทย โดยบริษัทมีแผนในการขยายตลาดก๊าซใหม่ๆ ในแถบเอเชียใต้เพิ่มเติม เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นด้วย นอกจากนี้ บริษัทมีวางงบลงทุนราว 500 ล้านบาท เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงานเพิ่มเติม แบ่งเป็นการลงทุนภายในประเทศในส่วนของคลังก๊าซและโรงอัดบรรจุก๊าซแอลพีจี 170 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 330 ล้านบาท ใช้ก่อสร้างคลังก๊าซ LPG ที่ เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย รองรับดีมานด์ทั้งในและต่างประเทศ ที่เติบโตต่อเนื่อง