บมจ. จี สตีล (GSTEEL) มีแผนลงทุน 3 พันล้านบาทภายใน 3 ปีจากนี้ เพื่อปรับปรุงเครื่องจักร เพิ่มขีดความสามารถด้านคุณภาพ และความสามารถในการควบคุมต้นทุน รวมถึงปรับปรุงเครื่องจักรที่เสื่อมสภาพ โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มนิปปอนสตีลที่เป็นผู้ถือหุ้นหลัก
การลงทุนครั้งนี้ประกอบไปด้วย 1) การลงทุนในเครื่องรีดปรับผิวเหล็ก (Skin Pass) เพื่อพัฒนาคุณภาพและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ 2) การพัฒนาระบบการจัดการวัตถุดิบเศษเหล็ก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และเสริมความเข้มแข็งของระบบรีไซเคิล 3) การลงทุนในการปรับปรุงเครื่องจักรที่เสื่อมสภาพให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
"การลงทุนนี้จะส่งเสริมให้ GSTEEL สามารถสร้างโครงสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่ง ซึ่ง GSTEEL มุ่งมั่นที่จะพลิกฟื้นการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่จะมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมไทย ด้วยการส่งมอบเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนที่มีคุณภาพสูงให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการอย่างหลากหลายในประเทศไทย"
GSTEEL จะกู้ยืมระยะยาวจากบริษัท นิปปอน สตีล ประเทศไทย (NSTH) ในเครือของบริษัท นิปปอน สตีล คอร์ปอเรชั่น (NSC) ประเทศญี่ปุ่นในระยะแรกด้วยเงินทุนจำนวน 1.6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ NSC ได้เข้าถือหุ้นหลักของ GSTEEL เมื่อเดือน มี.ค.65 ด้วยการสนับสนุนทางเทคนิคและการจัดการจาก NSC บริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนของการปรับปรุงขีดความสามารถของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดย NSC เป็นบริษัทเหล็กที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก ด้วยประสบการณ์การดำเนินงานมากกว่า 60 ปีในประเทศไทย และได้ส่งมอบเหล็กคุณภาพสูงให้แก่อุตสาหกรรมการผลิต ตอบสนองความต้องการของสังคมไทย ปัจจุบันกลุ่ม NSC ประกอบด้วย 30 บริษัทในเครือและมีพนักงานรวมมากกว่า 8,000 คนในประเทศไทย โดย NSC มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทย รวมทั้ง GSTEEL
GSTEEL เป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนครบวงจรกลุ่มเดียวในประเทศไทย (รวมถึง บมจ.จี เจ สตีล(GJS)) จึงมุ่งมั่นให้ความสำคัญในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยการส่งมอบวัสดุที่มีคุณภาพและต้นทุนที่แข่งขันได้ ในระยะเวลาส่งมอบที่รวดเร็ว นอกจากนี้ G Steel ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า (Electric Arc Furnace) จึงมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำและยังเป็นผู้รีไซเคิลเศษเหล็กรายใหญ่ในประเทศไทย (รวมถึง GJS)
G Steel ได้รับใบรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) การเป็นผู้ผลิตที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำจะช่วยส่งเสริมการขายด้วยผลิตภัณฑ์เหล็กที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำสู่ตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ทั้งหมดนี้มีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเป้าหมายของรัฐบาลในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อีกด้วย