บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) หนี้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (Erawan) มาที่ระดับ BBB-(tha) (BBB ลบ (tha)) จากระดับ BBB(tha) และประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ที่ระดับ ‘F3(tha)’ ในขณะเดียวกันฟิทช์ประกาศเพิกถอนอันดับเครดิตของ Erawan และจะไม่ติดตามอันดับเครดิตของบริษัทจากนี้ไป
การปรับลดอันดับเครดิตของ Erawan สะท้อนถึง แนวโน้มการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR) ในระยะปานกลางที่อ่อนแอกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ อันเป็นผลมาจากสภาวะการแข่งขันที่น่าจะทวีความรุนแรงขึ้นและความล่าช้าของโครงการโรงแรมใหม่บางโครงการ
นอกจากนี้แผนการลงทุนขยายธุรกิจโรงแรมที่ยังคงสูงน่าจะส่งผลต่อความคล่องตัวทางการเงินของบริษัทต่อไปอีก โดยบริษัทน่าจะมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (Net Adjusted Debt/ EBITDAR) ที่ประมาณ 5.0 เท่าต่อไปอีก 2 ปี (หรือเท่ากับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย (Net Debt / EBITDA) ที่ 4.8 เท่าโดยประมาณ)
การปรับลดอันดับเครดิตในครั้งนี้ต่อเนื่องจากการที่ฟิทช์ได้ปรับแนวโน้มเครดิตของ Erawan เป็นลบจากมีเสถียรภาพในเดือนมกราคมปี 2550 อันเป็นผลมาจากบริษัทมีนโยบายขยายการลงทุนในโรงแรมแห่งใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก แผนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของบริษัทสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของนโยบายการบริหารที่ต้องการเพิ่มอัตราส่วนหนี้สินเพื่อทำให้ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในด้านมุมมองของบริษัท ทางผู้บริหารมองว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย (Net Debt/EBITDA) อาจปรับตัวดีขึ้นมาที่ระดับ 4.0 เท่า ณ สิ้นปี 2552 จากระดับ 4.8 เท่าที่คาดว่าจะเห็นในปี 2551
นอกจากนี้ ผู้บริหารคาดว่าจะลดความเสี่ยงจากการมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่สูงในช่วงปี 2551-52 โดยการจัดโครงสร้างของเงินกู้ให้มีการจ่ายชำระหนี้คืนที่ต่ำในช่วงเวลาดังกล่าว
ในปี 2550 Erawan มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อันเป็นผลมาจากอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่ลดลงเนื่องจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยหลังจากเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพในช่วงฉลองปีใหม่ Erawan มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาทในปี 2550 ลดลง 14% จากปีก่อนหน้า ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับที่บริษัทคาดการณ์ไว้ ในไตรมาสแรกปี 2551 Erawan มีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมากโดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าสูงขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้เนื่องจากอัตราการเข้าพักที่ปรับตัวดีขึ้น ถึงแม้ว่าผลประกอบการของ Erawan คาดว่าจะดีขึ้นมากในปี 2551 อันเป็นผลจากความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นของนักท่องเที่ยวและการเปิดดำเนินการของโรงแรมใหม่ แนวโน้มของการเติบโตของกำไรในระยะปานกลางน่าจะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้นเนื่องจากจำนวนของห้องพักที่สูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
ความเสี่ยงเหล่านี้ได้ถูกลดทอนลงบ้างจากการที่ บริษัทมีคุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในระดับสูง ชื่อเสียงของโรงแรมและศูนย์การค้าในกลุ่ม Erawan ที่เป็นที่รู้จักอย่างดี และความสัมพันธ์ที่ดีอันยาวนานของ Erawan กับกลุ่มโรงแรมชั้นนำระดับโลก รวมทั้งความสามารถในการบริหารจัดการผ่านช่วงที่ภาวะอุตสาหกรรมอ่อนตัวและความสามารถในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดและทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ในขณะเดียวกัน การขยายธุรกิจไปในส่วนของตลาดโรงแรมระดับกลาง ภายใต้ชื่อโครงการใหม่ Ibis จำนวน 10 โรงแรม น่าจะช่วยทำให้กำไรของบริษัทมีการกระจายตัวและมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--