บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 กำไรสุทธพุ่ง 138% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ผลักดันอัตราการทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 13% จาก 11% ในไตรมาสก่อนหน้า แม้ปริมาณขนส่งสินค้าชะลอตัว หลังจีนเร่งการส่งออกไปสหรัฐจากความกังวลการปรับขึ้นภาษีและผลกระทบจากภาวะขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซันการขนส่งสินค้า เดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ดันไทยเป็นฮับขนส่งสินค้าทางทะเลในภูมิภาคอาเซียนไปยังสหรัฐอเมริกา รับจังหวะค่าระวางเรือยังทรงตัวในระดับสูง มั่นใจปีนี้ทำปริมาณขนส่งสินค้าเพิ่มเป็น 53,000 ตู้ตามเป้าหมาย
นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SINO เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/67 ทำกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งมีปัจจัยจากความสามารถในการให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล (Sea Freight) ที่แข็งแกร่งจากการมี OTI License สามารถทำสัญญาการบริการกับสายการเดินเรือได้เอง รวมถึงการบริหารจัดการพื้นที่ขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบจากการขาดแคลนพื้นที่ขนส่งสินค้าทางเรือ หลังจากประเทศจีนเร่งส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาก่อนขึ้นกำแพงภาษี อีกทั้งยังแก้ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ได้เป็นที่น่าพอใจและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้อัตราทำกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเป็น 13% ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าในไตรมาส 2/67 ลดลงเล็กน้อย โดยมีรายได้จากการให้บริการ 735 ล้านบาท ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ภาพรวมครึ่งปีแรกมีรายได้จากการให้บริการรวม 1,509 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 18 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล (Sea Freight) คิดเป็น 95% ของรายได้จากการให้บริการทั้งหมด ส่วนรายได้จากการให้บริการเช่าคลังสินค้าคิดเป็น 1% รายได้จากการให้บริการสนับสนุนอื่นๆ คิดเป็น 3% และรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ (Air Freight) คิดเป็น 1% ของรายได้จากการให้บริการทั้งหมด
แนวโน้มการดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา หลังแนวโน้มค่าระวางเรือยังทรงตัวในระดับสูงจากปัจจัยความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ประกอบกับในไตรมาส 3/67 เข้าสู่ช่วงไฮซีซันการขนส่งสินค้าทางทะเลที่ส่งผลเชิงบวกต่อปริมาณการขนส่งสินค้า อีกทั้งแผนดำเนินงานของ SINO ยังคงมุ่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าทางทะเลให้แก่กลุ่มประเทศในอาเซียนที่ต้องการขนส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา จึงมั่นใจว่าจะมีปริมาณขนส่งสินค้ารวมทั้งปีได้ 53,000 ตู้ตามแผน ส่วนกลุ่มธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าทั้ง 2 แห่ง ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 70% หลังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น ช่วยสนับสนุนการเติบโตของ SINO ได้เป็นอย่างดี