นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ในช่วง 6 เดือนแรก เติบโต 2.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาที่ 1,091 ล้านบาท และ EBITDA เติบโต 8.0% มาที่ 7,548 ล้านบาท จากปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 10.4% ที่ 7,576 กิกะวัตต์-ชั่วโมง จากปริมาณไฟฟ้าขายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพิ่มขึ้น 14.9% จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า SPP 3 โครงการ ในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 4 ปี 66 รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 420 เมกะวัตต์ และปริมาณไฟฟ้าขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ในประเทศเวียดนามที่เพิ่มขึ้น 8.2% รวมทั้งปริมาณขายไอน้ำที่เติบโตขึ้น 16.4% จากการขยายกำลัง การผลิตของลูกค้าเดิม และความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ผลการดำเนินการในไตรมาส 2/67 บี.กริม เพาเวอร์ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 579 ล้านบาท เติบโต 20.9% จากไตรมาสก่อนหน้า จากปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับแก่ กฟผ. ที่เพิ่มขึ้น ราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่เติบโตจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของ 3 โรงไฟฟ้า SPP ภายใต้ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี จำกัด (UVBGP)
อย่างไรก็ดี หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลการดำเนินงานปรับตัวลดลงจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เนื่องจากการหมดอายุของสิทธิประโยชน์ทางภาษีของโครงการโรงไฟฟ้า 3 โครงการ ทั้งนี้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ (เมื่อรวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง และรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน) อยู่ที่ 229 ล้านบาท
อนึ่ง BGRIM แจ้งว่า ไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิ 228.52 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.01 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 679.23 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.18 บาท
นายฮาราลด์ กล่าวว่า ในไตรมาส 2/67 บี.กริม เพาเวอร์ ได้เชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) รายใหม่ในประเทศไทย จำนวน 5.2 เมกะวัตต์ จากกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งคิดเป็นการเชื่อมเข้าระบบในช่วงครึ่งแรกของปี 67 รวมทั้งสิ้น 11.2 เมกะวัตต์
สำหรับการขยายการลงทุนในไตรมาส 2 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในระยะยาว บริษัท BGP Holding (US) (บริษัทย่อยทางอ้อมของ บี.กริม เพาเวอร์) ได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Malacha ในตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังการผลิตติดตั้ง 30 เมกะวัตต์ และมีแผนขยายการเข้าซื้อและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในตลาดพลังงานในรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ บริษัท RES Company Sicilia S.r.l. (บริษัทย่อย) เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท LT09 S.r.l. เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน "Ortanova 2" กำลังการผลิต 73.26 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐอิตาลี
และล่าสุดในเดือนกรกฎาคม B.Grimm Power Pty. (บริษัทย่อย) ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน Nemaroo Bimbi Wind Farm Pty. เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนและ Energy Hub ทางตอนเหนือของรัฐ Queensland ประเทศออสเตรเลีย
ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนามากกว่า 1 กิกะวัตต์ โดยในช่วงครึ่งปีหลัง 67 มีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อู่ตะเภา เฟสหนึ่ง 2. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GIFU ในประเทศญี่ปุ่น และ 3. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม แบบติดตั้งบนบก KOPOS ในสาธารณรัฐเกาหลี
นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า เป้าหมายระยะยาว บี.กริม เพาเวอร์ตั้งเป้าสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593 ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 โดยมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 50%