นายกิตติชัย ตรีรัชตพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนูลักษณ์ (TNL) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการตัดจำหน่ายธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มว่า บริษัทได้จำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดในบริษัท ทีเอ็นแอลเอ็กซ์ จำกัด (TNLX) ซึ่งประกอบธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ให้กับเครือสหพัฒน์ฯ โดยธุรกรรมดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันถือว่าบริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเสร็จสิ้นแล้ว และมุ่งมั่นเดินหน้าสู่การทำธุรกิจการเงินอย่างเต็มตัว ทำให้โครงสร้างธุรกิจของ TNL ประกอบด้วย ธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ NPLs และ NPAs และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย
ผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทยังคงรับรู้ผลการดำเนินงานของ TNLX อยู่ แต่ได้จัดเป็นรายการแยกออกจากผลการดำเนินงานปกติ เพื่อเปรียบเทียบให้นักลงทุน ได้เห็นการเติบโตของ 3 ธุรกิจ ( New growth engines) ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยบริษัทมีรายได้รวม 6 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 563 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153 ล้านบาท หรือ 37% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 258 ล้านบาทในงวดครึ่งปีแรก หรือเติบโต 12% จากงวดเดียวกันปีก่อน ขณะที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 46%
หากพิจารณาดูการเติบโตของแต่ละธุรกิจ พบว่า มีการเติบโตที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมาย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.ธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน โดยบริษัท ออกซิเจน แอสเซ็ท จำกัด (OXA) เป็นธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนรายได้คิดเป็นสัดส่วน 58% ของรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมด มีรายได้จากดอกเบี้ย 307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมียอดสินเชื่อคงค้างจำนวน 5,990 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเข้าใกล้เป้าหมายของปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 6,100 ล้านบาท
2.ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ NPLs และ NPAs หรือ AMC โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์ ออกซิเจน จำกัด (OAM) มีรายได้ดอกเบี้ย 71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49 ล้านบาท หรือ 223% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก OAM บันทึกรายได้ดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 โดยปัจจุบันมีพอร์ตบริหารหนี้มูลค่า 3,824 ล้านบาท
3.ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ดำเนินการโดยบริษัท ทีเอ็นแอน อัลไลแอนซ์ จำกัด (TNLA) มีรายได้ 148 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 139 ล้านบาท หรือ 6% โดยยอดโอนยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
"ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2567 ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามเป้าหมายที่น่าพอใจ โดยการฟื้นตัวเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ทำให้เกิดสัญญาณที่ดีในแง่ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ และเพิ่มความต้องการในภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง ส่งผลให้มี NPLs เข้าสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้บริษัทมีโอกาสในการเข้าซื้อ NPLs และ NPAs ในราคาที่น่าพึ่งพอใจสำหรับธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ แม้การจัดเก็บหนี้ต้องเผชิญกับความท้าทาย แต่บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ และบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ" นายกิตติชัย กล่าว