โบรกเกอร์ ประสานเสียงปรับเพิ่มประมาณกำไรปี 67 และราคาเป้าหมายหุ้น บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) หลังกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ออกมาดีกว่าคาดมาก รับประโยชน์จาก synergy กับ DTAC และการเติบโตของ ARPU ช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน และยังคาดช่วงครึ่งปีหลังจะมีผลการดำเนินงานดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ที่เป็นไฮซีซั่น
อีกทั้ง TRUE ปรับคาดการณ์การเติบโตของรายได้จากการบริการในปี 67 ขึ้นมาที่ 4-5% YoY (เพิ่มขึ้นจาก 3-4% ) และการเติบโตของ EBITDA ที่ 12-14% (เพิ่มจาก 9-11%) จึงคาดว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังจะป็นขาขึ้น รวมทั้ง TRUE ยืนยันจะเร่งใช้ Capex ที่ปีนี้ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านบาท แต่ครึ่งแรกปีนี้ใช้ไปแค่ 9.7 พันล้านบาท ขณะที่หนี้สินลดลงทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ในไตรมาส 2/67 เหลือแค่ 4.7 เท่า
ราคาหุ้น TRUE ณ 9 ส.ค.67 ปิดที่ 10.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท (+8.51%) จากวันประกาศงบ เมื่อ 2 ส.ค. 67 ปิดที่ 9.40 บาท และวันนี้ (13 ส.ค.) ปิดภาคเช้าวันนี้ที่ 10.30 บาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ใหม่ เดิม เคจีไอ Outperform 12.50 10.50 กรุงศรี ซื้อ 12.00 10.30 บัวหลวง ซื้อเก็งกำไร 11.90 10.50 กสิกรไทย ซื้อ 10.50 9.28 ทิสโก้ ถือ 9.90 9.20
นายพิสุทธิ์ งามวิจิตรวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทยก กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/67 ของ TRUE ออกมาดีกว่าคาดอย่างมาก จึงปรับประมาณการกำไรขึ้น พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่ จากเดิม 9.28 บาทเป็น 10.50 บาท
โดยปรับประมาณการกำไรปกติในปี 67-69 คือ 5.26 พันล้านบาท , 8.25 พันล้านบาท และ 1.13 หมื่นล้านบาทตามลำดับ จากประมาณการกำไรปกติเดิม คือ 2 พันล้านบาท , 6 พันล้านบาท และ 1 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ มุมมองผู้บริหารมองแนวโน้มการดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้มองเป็นขาขึ้นจากครึ่งแรกปีนี้ออกมาแข็งแกร่ง จึงได้ปรับเป้าการดำเนินงานในปี 67 คือ อัตราเติบโตของรายได้ปกติเป็น 4%-5% (จากเดิมที่ 3%-4%) EBITDA คาดเติบโตขึ้น 12%-14% (จากเดิมที่ 9%-11%) และ Capex ทรงตัว(ไม่รวมการชำระค่าคลื่นความถี่) ที่ 3 หมื่นล้านบาท
แนวทางการดำเนินงานใหม่สะท้อนถึง Core EBITDA Margin ที่เพิ่มขึ้นจาก 57.1%-57.6% เป็น 58.1%-58.6% และสัดส่วน Capex ต่อรายได้ปกติที่ลดลงจาก 18.2%-18.4% เป็น 18%-18.2%
บล.กสิกรไทย ยังมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ TRUE และแนวทางการดำเนินงานขาขึ้น หากหักลบแนวทางการดำเนินงนปี 67 ออกจากผลการดำเนินงานครึ่งแรกปีนี้ เราคาดว่ารายได้ปกติครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตขึ้น 2.3%-4.3% และคาด EBITDA จะเติบโตขึ้น 9%-12.9%
ทั้งนี้ ผู้บริหารกล่าวว่าขั้นตอนการควบรวมกิจการเดินหน้าตามกำหนดและคาดจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/68 เมื่อต้นทุนจากภาพรวมธุรกิจหมดไป ผู้บริหารเชื่อว่ากำไรสุทธิของ TRUE จะพลิกกลับเป็นบวกและจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลอย่างสมเหตุสมผล
บล.ทิสโก้ ระบุว่า TRUE รายงานผลขาดทุนสุทธิ 1.9 พันล้านบาทในไตรมาส 2/67 เทียบกับผลขาดทุน 769 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 และ 2.3 พันล้านบาทในไตรมาส 2/66 แม้ผลกำไรสุทธิจะต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ที่ขาดทุน 1.1 พันล้านบาท เนื่องจากการด้อยค่าสินทรัพย์จากการปรับปรุงให้ทันสมัยที่สูงกว่าที่คาดไว้ แต่การดำเนินงานหลักกลับดีกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อย หากไม่รวมการด้อยค่า 4.3 พันล้านบาท กำไรหลักอยู่ที่ 2.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไร 802 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 และขาดทุน 1.8 พันล้านบาทในไตรมาส 1/66 สำหรับครึ่งแรกปี 67 กำไรหลัก และ EBITDA คิดเป็น 45% และ 49% ของประมาณการปรับปรุงของเราสำหรับปี 67 ตามลำดับ
ในไตรมาส 2/67 EBITDA หลักอยู่ที่ 2.43 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3% QoQ และเพิ่มขึ้น 16% YoY) สูงกว่าประมาณการของเรา 4% โดยมีปัจจัยหนุนจากรายได้โรมมิ่งในประเทศสูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 500 ล้านบาท QoQ) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง และอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้น รายได้จากการบริการหลักเป็นไปตามคาด โดย ARPU ของมือถือที่แข็งแกร่งชดเชยการลดลงของจำนวนผู้ใช้บริการ ARPU รวมของมือถือเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจจาก 204 บาท เป็น 207 บาท โดยมีการเติบโตทั้งในส่วนของ prepaid และ postpaid อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ใช้บริการลดลง 1.2% QoQ และ 1.3% YoY
อย่างไรก็ตาม รายได้ออนไลน์ยังคงแข็งแกร่ง เติบโต 0.9% QoQ และ 5.5% YoY โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของ ARPU เนื่องจากบริษัทยกเลิกส่วนลดและดำเนินการขายเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารยังคงลดลงทั้ง QoQ และ YoY ได้รับประโยชน์จากการรวมกิจการ การลดจำนวนเสาสัญญาณ และค่าไฟฟ้าที่ลดลงช่วยรักษาต้นทุนเครือข่ายให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ นอกจากนี้ กำไรจากการขายเครื่องโทรศัพท์กลับมาเป็นจุดคุ้มทุนในไตรมาส 2/67 จากที่เคยขาดทุนก่อนหน้านี้ เนื่องจากได้รับประโยชน์แบบ non-recurring จากส่วนลดปริมาณของผู้ผลิตอุปกรณ์ดั้งเดิม (OEM)
การปรับปรุงงบดุลมีความโดดเด่น หนี้สินสุทธิลดลง 11,000 ล้านบาท QoQ (-2%) และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ปรับตัวดีขึ้นจาก 5.0 เท่าในไตรมาส 1/67 เป็น 4.7 เท่าในไตรมาส 2/67 อย่างไรก็ตาม เราสังเกตว่า TRUE ใช้เงินลงทุน (CAPEX) เพียง 9.7 พันล้านบาทครึ่งแรปีนี้ เทียบกับแนวโน้มทั้งปีที่ 3 หมื่นล้านบาท TRUE ยังได้จัดหาวงเงินสกุลเยนญี่ปุ่นมูลค่าประมาณ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อชำระคืนเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐล่วงหน้า (และเลื่อนภาระการชำระหนี้บางส่วนไปเป็นปี 68)
เราคาดการณ์ว่าโมเมนตัมที่แข็งแกร่งในระดับการดำเนินงานหลักจะยังคงดำเนินต่อไปตลอดครึ่งหลังปี 67 โดยคาดว่าไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นไตรมาส 4/67 (ตามฤดูกาล) TRUE ยังได้ปรับเพิ่มแนวโน้มรายได้และ EBITDA ประจำปี สะท้อนถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งในครึ่งแรกปี 67 ปัจจุบัน TRUE คาดการณ์การเติบโตของรายได้จากการบริการในปี 2024 ที่ 4-5% YoY (เพิ่มขึ้นจาก 3-4% และสูงกว่าเป้าหมายการเติบโตของ GDP ของ TISCO ESU ที่ 2.8%) และการเติบโตของ EBITDA ที่ 12-14% (เพิ่มขึ้นจาก 9-11%)
ทั้งนี้ คาดว่าตลาดจะตอบสนองในเชิงบวกต่อผลประกอบการนี้ แม้ว่าเราได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 67 ลง 55% เนื่องจากการบันทึกการด้อยค่าในไตรมาส 2/67 แต่ประมาณการกำไรหลักของเราได้ถูกปรับเพิ่มขึ้น 71% เพื่อสะท้อนการคาดการณ์ ARPU ที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ต่ำลงหลังจากครึ่งแรกปี 67
ดังนั้น ประมาณการกำไรปี 68-69 ของเราจึงเพิ่มขึ้น 31% และ 23% ตามลำดับ ส่งผลให้มูลค่าที่เหมาะสมตามวิธี SOTP ของเราเพิ่มขึ้นเป็น 9.90 บาท (จาก 9.20 บาท) อย่างไรก็ตาม เรายังคงชอบ ADVANC มากกว่าเนื่องจากมีงบดุลที่แข็งแกร่งกว่าและเงินปันผลที่ดีกว่า และคงคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ TRUE โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 9.90 บาท ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย การทำสงครามราคารอบใหม่ การสิ้นสุดของการแข่งขันแบบผูกขาดโดยสองบริษัท และความล่าช้าในการรับรู้ประโยชน์จากการ synergy
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น TRUE ด้วยราคาเป้าหมายใหม่สูงขึ้นที่ 12.50 บาท จากเดิม 10.50 บาท หลังจากการปรับเพิ่มกำไรหลักของเราขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นการลดลงของต้นทุนดำเนินงานและ ARPU แข็งแกร่งขึ้น เราเชื่อว่าผลประโยชน์จาก synergy และการเติบโตของ ARPU จะช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 ที่ดีกว่าคาดมากและการปรับเพิ่ม guidance ของบริษัทนับเป็น catalyst ที่แข็งแกร่งหนุนต่อการ re-rating ทั้งนี้เรายังคาดว่าตลาดจะปรับเพิ่มกำไรเช่นเดียวกับของเรา
ผู้บริหาร TRUE มองบวกขึ้นอีกจากการรับรู้ผลสุทธิของ synergy ได้เร็วและมากกว่าคาดเดิม ส่งผลให้มีการปรับเพิ่มตัวเลข guidance ปี 67 ขึ้นโดยกำไรสุทธิคาดจะเป็นบวกในปี 68 ส่วนกำไรหลักเป็นบวกแล้วตั้งแต่ไตรมาส 1/67 อีกทั้งยังส่งสัญญาณการจ่ายเงินปันผลในปี 68 และ/หรือจ่ายคืนหนี้เพิ่มขึ้น
โดยเป้า EBITDA ของ TRUE ปี 67 ได้ปรับขึ้นเป็น +12-14% (เทียบกับ +9-10% ก่อนหน้านี้และ +15% ใน H1/67) ซึ่งเติบโตเร็วกว่ารายได้ที่ +4-5% (เทียบกับ +3-4% ก่อนหน้าและ +6% ใน H1/67) ในด้าน CAPEX ของปี 67 คงที่อยู่ที่ 3.0 หมื่นลบ. (เทียบกับ 9.7 พันลบ.ใน H1/67) เป็นนัยว่า CAPEX ใน H2/67 จะเร่งตัวขึ้น
ทั้งนี้ เราคาดกำไรหลัก ครึ่งหลังปี 67 แข็งแกร่งกว่าครึ่งแรกปี 67 (เพิ่มขึ้น QoQ ใน Q3/67 และเพิ่มสูงสุดใน Q4/67)
เรามองว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA จะต่ำลงมาที่ 4.1x / 3.6x / 3.1x ในปี 67-69 (เทียบกับ 4.7x ใน Q2/67) เนื่องจากฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น (ความสามารถการทำกำไร, ratings และงบลงทุน ต่ำลง) (Figure 6) ปลายเดือน ส.ค.67 TRUE จะออกชุดหุ้นกู้ (1.3 ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.95-4.5%) โดยหุ้นกู้ชุดใหม่นี้มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าชุดของเดือน พ.ค. 67 ราว 10-20bps และต่ำกว่าชุดเดือน ม.ค.67 ที่ 25-40bps ด้วย จึงคาดจะช่วยให้ต้นทุนเงินกู้ลดลง (4.1% ใน Q2/67) เรามองว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของ TRUE จะต่ำลงหลังจากการออกชุดหุ้นกู้ต่าง ๆ และเงินกู้สกุลเงิน JPY (US$750 ล้าน) จากประมาณการของเราชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทุก 25bps จะทำให้ต้นทุนดอกเบี้ย TRUE ต่ำลงราว 1.1 พันลบ.ต่อปี
ยืนคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย DCF ใหม่สูงขึ้นที่ 12.50 บาท จากเดิม 10.50 บาท หลังปรับเพิ่มกำไรหลักขึ้นเป็น 8.8 พันลบ./1.18 หมื่นลบ./1.38 หมื่นลบ.ในปี 67-69 ส่วนใหญ่จากต้นทุนดำเนินงานลดลง และ ARPU แข็งแกร่งขึ้น เชื่อว่าผลประโยชน์จาก synergy และการเติบโตของ ARPU จะช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 ที่ดีกว่าคาดมากและการปรับเพิ่ม guidance ของบริษัทนับเป็น catalyst ที่แข็งแกร่งหนุนต่อการ re-rating ทั้งนี้ เรายังคาดว่าตลาดจะปรับเพิ่มกำไรเช่นเดียวกับของเรา
บล.กรุงศรี ระบุว่า กำไรหลักของ TRUE ครึ่งแรกของปี 67 คิดเป็น 94% ของประมาณการทั้งปีของเรา เราปรับเพิ่มกำไรปี 67 จาก 3.1 พันล้านบาทเป็น 7.9 พันล้านบาท และกำไรปี 68 ขึ้น 33% เป็น 1 หมื่นล้านบาท หลังจากปรับตามต้นทุนที่ลดลง (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเครือข่าย ค่า เสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร) การคาดการณ์ที่ปรับใหม่ของเรายังคง
คาดการณ์การพลิกกลับของกำไรในปี 67 แต่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก การเติบโตของกำไรจะยังคงแข็งแกร่งในปี 2568 ที่ +27% yoy โดยได้รับแรงหนุนจาก ARPU ที่เพิ่มขึ้นและการลดต้นทุน
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาเป้าหมายเป็น 12 บาท (จาก 10.3 บาท) หลังจากปรับเพิ่มประมาณการกำไร TRUE ยังคงเสนอเรื่องราวการพลิกกลับที่น่าสนใจ โดยคาดว่ากำไรจะยังคงเพิ่มขึ้นในปี 68 โดยได้รับแรงหนุนจาก ARPU ที่เพิ่มขึ้นและการลดต้นทุน ในระยะใกล้ เซอร์ไพรส์เชิงบวกในกำไรไตรมาส 2/67 และการปรับเพิ่มประมาณการกำไรตามท้องตลาดจะช่วยหนุนราคาหุ้น