นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของไตรมาส 2/67 บริษัทมีรายได้รวม 550.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.8% และกำไรสุทธิ 101.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 510.58 ล้านบาท และกำไร 74.32 ล้านบาท
การเติบโตของรายได้และกำไรในไตรมาสนี้มาจากกลุ่มธุรกิจการเงินและสินเชื่อครบวงจรที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลที่ให้กับสมาชิกองค์กรขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกมากกว่า 1 ล้านคนผ่านทางแอปพลิเคชั่น ซึ่งมียอดเพิ่มขึ้น 96.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมียอดวงเงินสินเชื่อคงค้างประมาณ 518 ล้านบาท NPL 5.7% ต่อยอดปล่อยกู้ ทำให้ในไตรมาสนี้มีรายได้ดอกเบี้ย 19.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 172.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
อีกทั้ง ธุรกรรมทางการเงินผ่านตู้บุญเติมยังมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนรายการฝาก-โอนเงินผ่านตู้บุญเติมรวม 3.47 ล้านรายการ จากการเป็นตัวแทน 8 ธนาคาร และสามารถถอนเงินสดผ่านตู้บุญเติมได้ 2 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารไทยพาณิชย์
ขณะที่ธุรกิจเติมเงินและรับชำระเงินอัตโนมัติที่ถือเป็นรายได้หลัก มีรายได้รวม 519.11 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยการเติมเงินที่ยังเป็นบริการหลักที่ลูกค้านิยมใช้บริการ โดยลูกค้าเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนิยมการซื้อแพ็คเกจอินเตอร์เน็ตมือถือผ่านช่องทางตู้บุญเติมเพิ่มมากขึ้น จากความสะดวกในการทำรายการผ่าน 3 ช่องทางทั้งตู้บุญเติม เคาน์เตอร์แคชเชียร์ และแอปพลิเคชั่น ที่มีบริการตอบโจทย์และครอบคลุมการใช้งานของลูกค้ามากที่สุด ทำให้เชื่อได้ว่าพฤติกรรมการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงนี้จะเข้ามาช่วยส่งเสริมให้บริษัทสามารถรักษาฐานรายได้ของกลุ่มได้อย่างดี
ส่วนกลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้านั้น บริษัทรับรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน (Equity Income Method) จากการถือหุ้นบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด ในสัดส่วน 26.71% โดยไตรมาส 2/2567 มีจำนวนตู้เต่าบิน 6,596 ตู้ทั่วประเทศ ส่วนครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า GINKA Change Point ติดตั้งไปแล้วมากกว่า 152 จุดชาร์จ ที่แม้ว่าปัจจุบันรายได้ยังไม่ชัดเจน
บริษัทยังคงมุ่งมั่นขยายจุดติดตั้งในพื้นที่เป้าหมาย อาทิ คอนโดมิเนียม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ออฟฟิศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการขยายจุดชาร์จจะนำมาซึ่งยอดการใช้งานเพิ่มขึ้นและมีรายได้อย่างมีนัยยะสำคัญตามแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในระยาว
ทั้งนี้ จากผลประกอบการที่เติบโตขึ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงไตรมาส 2 ส่งผลให้งบการเงินของบริษัทงวด 6 เดือนมีรายได้อยู่ที่ 1,101.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 194.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.18% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 67 บริษัทมุ่งมั่นบริหารงานให้มีรายได้เพิ่มในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการเงินและสินเชื่อครบวงจรที่มีแผนขยายพอร์ตสินเชื่อโตกว่าปีก่อน 80-100% ควบคู่กับการเน้นให้บุญเติมเป็นจุดให้บริการทางการเงินครบวงจรพร้อมกับเพิ่มการเป็นตัวแทนธนาคารและผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินการอย่างน้อย 1 ธนาคารจากเดิมที่มีอยู่ 8 ธนาคารพร้อมเร่งขยายบริการ ฝาก/โอน สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างด้าว (CLMV) เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทจะรักษาฐานรายได้ในกลุ่มธุรกิจเติมเงินและรับชำระเงินอัตโนมัติ โดยวางแผนเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อตู้ (ARPU) ด้วยการเพิ่มบริการใหม่ๆ อาทิ แพ็คเกจอินเตอร์เน็ตมือถือหรือบริการอื่นๆที่สอดคล้องกับความต้องการเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าอย่างทั่วถึง ผ่านตู้บุญเติมมากกว่า 122,000 จุด พร้อมขยายช่องทางเคาน์เตอร์แคชเชียร์ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมทั้งจัดรายการส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการใช้งานของลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวถึงกลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าว่า บริษัทยังคงเดินหน้าขยายจุดติดตั้ง GINKA Charge point อย่างต่อเนื่อง 1,000 จุดภายใน 2 ปี และเตรียมเปิดสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร (EV Station) ภายในปีนี้ รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น "เต่าบิน" ที่มีแผนขยายเพิ่มเป็น 7,500-8,000 จุด และเพิ่มเมนูใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความถี่ในการซื้อให้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทจะร่วมบริหารจัดการคาเฟ่อัตโนมัติ "เต่าบิน" ที่ได้เปิดต้นแบบสาขาแรกที่ออฟฟิศเต่าบิน ที่สถานีรถไฟฟ้าสนามเป้าไปเรียบร้อยแล้ว โดยภายในจะมีตู้เต่าบินเวอร์ชั่นใหม่ พร้อมเบเกอรี่ และไอศครีมซอฟเสริฟไว้ให้บริการ และอยู่ระหว่างการขยายสาขาไปยังพื้นที่อื่นเร็ว ๆ นี้ ดังนั้น จากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก และแผนงานครึ่งปีหลังที่กล่าวมาทั้งหมดเชื่อว่าจะสามารถผลักดันให้บริษัทมีการเติบโตโดยรวมเพิ่มขึ้น 10-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้