นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังมั่นใจทิศทางการท่องเที่ยวน่าจะมีอนาคตที่สดใส บริษัทพร้อมจะปรับ capacity ให้ตรงกับดีมานด์ จะเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีผลประกอบการที่ดี คาดว่าในไตรมาส 4 นี้จะมีผลประกอบการดีที่สุด อีกทั้งตลาดในประเทศยังไม่เห็นการแข่งขันราคา เพราะจำนวนเครื่องบินในตลาดยังน้อยอยู่ และดีมานด์ตลาดก็ยังแข็งแรง ยังเชื่อว่าราคาตั๋วโดยสารยังมีระดับสูงอยู่
ส่วนภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินที่ปัจจุบันเก็บอยู่ 4.726 บาทนั้น ทางกลุ่มสายการบินได้มีการเจรจากับรัฐบาลต่อเนื่อง และคาดว่าจะได้ข้อสรุปการปรับลดก่อนไตรมาส 4/67 เทศกาลท่องเที่ยว น่าจะได้ข่าวดี โดยเห็นว่าเป็นเรื่องที่ Win-Win ทุกฝ่าย รัฐบาลได้โปรโมทเรื่องการท่องเที่ยว ประชาชนได้ตั๋วราคาไม่สูง และสายการบินก็ไม่ต้องแบกรับภาระ
"เป้าหมายในปี 67 ยังคงเดิม โดยรายได้จากขายและบริการ เติบโต 20-23% จากช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 32% จำนวนผู้โดยสาร 20-21 ล้านคน โดยครึ่งปีแรกทำได้ตามเป้าที่ 10.4 ล้านคน ขณะที่อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor)ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 92% สูงกว่าคาด 90%"
ในปลายปีนี้ ไทยแอร์เอเชียจะมีจำนวนเครื่องบินเพิ่มเป็น 60 ลำ โดยในไตรมาส 4/67 คาดใช้เครื่องบิน 56 ลำ โดยสิ้นไตรมาส 2/67 มี 57 ลำ ไตรมาส 3/67 รับเพิ่ม 3 ลำ เป็น 60 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ A321 Neo รวมแล้วมี 5 ลำ
นายสันติสุข กล่าวว่า ตลาดต่างประเทศที่สำคัญของไทยแอร์เอเชีย 4 ตลาด คือ จีน เมืองหลัก กวางเจา เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง อู่ฮั่น ฉางซา พร้อมเพิ่มเที่ยวบินเมื่อมีทิศทางตลาดที่ดี
อินเดีย มีการเติบโตการเดินทางท่องเที่ยวค่อนข้างสูง ไทยแอร์เอเชียเคยมีส่วนแบ่งตลาดที่ตลาดในอินเดียต่ำกว่า 10% แต่ปัจจุบันปรับขึ้นมา 15% และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดสูงขึ้นอีก
ไต้หวัน ไปญี่ปุ่น ซึ่งคนไต้หวันมีความต้องการเดินทางไปญี่ปุ่นค่อนข้างสูง และมีเที่ยวบิน กรุงเทพ-ไทเป และไทเป-โอกินาว่า , กรุงเทพ-เกาสง และเกาสง-นาริตะ โตเกียว ซึ่งสองเส้นทางนี้มีกำไรค่อนข้างดี เป็นเส้นทางมีอนาคต และในอนาคตจะดูเส้นทางไต้หวันไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น อาทิ โอซาก้า ซัปโปโร
เวียดนาม ไทยแอร์เอเชียมีเส้นทางบินไปเวียดนามมาก มีเที่ยวบิน 67 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ซึ่งเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่นไทยชอบ
ทั้งนี้ ในกลุ่มแอร์เอเชีย ได้จองเครื่องบินแอร์บัส A321Neo ในช่วง 10 ปีข้างหน้า (ปี 2578) อยู่จำนวน 362 ลำ ส่วนหนึ่งจะส่งมาในไทย ขณะเดียวกันมีออปชั่นเครื่องบิน A321 XLRs เพื่อสามารถทำการบินได้ไกลขึ้น 7-10 ชม.และประหยัดน้ำมันด้วย ที่ไทยแอร์เอเชีย จะสามารถทำการตลาดที่น่าสนใจได้เพิ่มขึ้น เช่นตลาดตะวันออกกลาง และตลาดออสเตรเลีย