ราคา STA ปรับขึ้น 4.04% มาที่ 20.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 193.16 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.06 น.จากราคาเปิด 20.50 บาท ราคาสูงสุด 20.70 บาท ราคาต่ำสุด 20.20 บาท
และ STGT พุ่ง 8.47% มาที่ 9.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 32.04 ล้านบาท จากราคาเปิด 9.35 บาท ราคาสูงสุด 9.70 บาท ราคาต่ำสุด 9.30 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า บมจ.ศรีตรัง แอโกรอินดัสทรี (STA) รายงานกำไรสุทธิ 2/67 ที่ 628 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 330 ล้านบาท และเติบโต 471% YoY โดยรายได้จากยางธรรมชาติในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 14% QoQ และ 22.6% YoY หนุนโดนยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้า Non-China
ในไตรมาส 2/67 มียอดขายจากยาง EUDR ที่ 1,541 ตัน และรอส่งมอบอีก 7,000 ตัน รายได้จากการขายในไตรมาส 2/67 ที่ 2.58 หมื่นล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 9% QoQ และ 21.6% YoY รายได้จากการขายถุงมือยางใน ไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 5.6% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 17.8%YoY
Gross Margin รวมในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 12.2% ปรับตัวสูงขึ้นจาก ไตรมาส 1/67 ที่ระดับ 7.9% และจากไตรมาส 2/66 ที่ระดับ 9.3% โดย Gross Margin จากกลุ่มยางธรรมชาติอยู่ที่ 10.8% สูงขึ้นจาก 7.7% ในไตรมาส 1/67 และจาก 8.9% ในไตรมาส 2/66 ในขณะที่ Gross Margin ของกลุ่มถุงมือยางปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 13.5% จาก 8.4% ในไตรมาส 1/67 และจาก 10.4% ในไตรมาส 2/66
Demand จากยุโรปจะเป็นแรงหนุนยอดขายในอนาคต เนื่องจาก STA ผ่านมาตรฐาน EUDR ส่งผลให้สามารถดึงยอดขายมาจากผู้ผลิตยางที่ไม่ผ่านมาตรฐาน EUDR ได้ และคาดกลุ่มลูกค้าจากญี่ปุ่นและสหรัฐฯมีโอกาสที่จะมาซื้อยางมาตรฐาน EUDR เช่นกัน
Demand ยาง EUDR จากยุโรป หนุน Margin สูงขึ้น โดยยังคงคาดการณ์กำไรปี 2567-2568 ที่ 2.3 พันล้านบาท และ 2.9 พันล้านบาท ตามลำดับ หนุนโดย Margin ที่สูงขึ้นจากยาง EUDR
ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 23.80 บาท จากวิธี SOTP
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า STA และ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) กำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ฟื้นน่าประทับใจและดีกว่าที่ตลาดคาด โดย STA มีกำไรสุทธิ 628 ลบ. +5.7x y-y สูงสุดในรอบ 7 ไตรมาสดีทั้งธุรกิจยางธรรมชาติ และถุงมือยาง (STGT) โดยปริมาณขายยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น และราคาขายยางที่ปรับขึ้น รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับขึ้น
ส่วน STGT มีกำไรสุทธิ 378 ลบ. +158% q-q, +25x y-y สูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส จากราคาขายถุงมือปรับขึ้นดีกว่าคาดและสูงสุดในรอบ 7 ไตรมาส ซึ่งเพิ่มขึ้นได้มากกว่าต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้น แต่ปริมาณการขายปรับลง