ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดเช้า 1,285.04 จุด ลดลง 7.65 จุด (-0.59%) มูลค่าซื้อขายราว 22,070 ล้านบาท
การซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีปรับตัวแรง ทำระดับต่ำสุด 1,279.34 จุด และสูงสุด 1,293.10 จุด
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้บรรยากาศไม่ค่อยดี โดยลงไปลึกกว่า 10 จุด เพราะกังวลสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีที่ทำให้มีความเสี่ยงด้านโยบายและโครงการภาครัฐอาจเปลี่ยนไป โดยเฉพาะหากพรรคอื่นมานั่งนายกฯแทนพรรคเพื่อไทย ยกเลิกโครงการ หรือลดขนาดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดังนั้น จึงเกิดแรงขายกลุ่มค้าปลีกที่ก่อนหน้านี้คาดหวังจะได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งตลาดมีสัญญาณระมัดระวังและปรับตัวลงแรงทำให้โมเมมตัมเสีย เพราะกังวลว่าการเปลี่ยนนโยบายจะทำให้การบริโภคและการใช้จ่ายลดลง รวมถึงดิจิทัลวอลเล็ตอาจหายไป จะเห็นหุ้นกลุ่มห้างและกลุ่มวัสดุก่อสร้างก็ปรับตัวลง
ส่วนกลุ่มแบงก์ที่ปรับลงเพราะมีความไม่แน่นอนโมเมมตัมการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มโรงพยาบาล มี Valuation แพง แต่ส่วนหุ้นที่ Valuation ไม่แพงวันนี้มีหลายตัวที่ยืนบวกได้
แนวโน้มในช่วงบ่ายน่าจะปรับตัวลงต่อ จากแรงขายของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยที่ไม่มี Catalyst และยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะนักลงทุนมองกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากให้นายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก
พร้อมให้แนวรับ 1,280-1,275 จุด แนวต้านที่ 1,292 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,984.24 ล้านบาท ปิดที่ 56.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,188.19 ล้านบาท ปิดที่ 26.25 บาท ลดลง 0.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 697.79 ล้านบาท ปิดที่ 129.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
COM7 มูลค่าการซื้อขาย 621.80 ล้านบาท ปิดที่ 22.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.90 บาท
BH มูลค่าการซื้อขาย 558.69 ล้านบาท ปิดที่ 239.00 บาท ลดลง 6.00 บาท