บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) ขายสินทรัพย์ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ารวมประมาณ 5,942 ล้านบาท แบ่งเป็นโรงแรม 2 แห่งและอาคารสำนักงาน เบื้องต้นจะสามารถบันทึกกำไรพิเศษเข้ามาบางส่วนหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว
นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการ และรองประธานคณะกรรมการ PRINC เปิดเผยว่า ภายหลังการขายสินทรัพย์เสร็จสิ้น ทาง PRINC จะนำเงินที่ได้บางส่วน ไปชำระเงินคืนเงินกู้ของสถาบันการเงิน และทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงราว 50% คิดเป็นจำนวนประมาณ 160 ล้านบาทต่อปี ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ D/E Ratio ลดลง จากเดิม 0.96 เท่าเหลือต่ำกว่า 0.6 เท่า พร้อมสำหรับการขยายการลงทุนเพิ่มเติมต่อเนื่องทั้งยังเป็นการเสริมสภาพคล่องส่วนเกินที่แข็งแกร่งเพียงพอ รองรับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความไม่แน่นอนในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยผลของดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงจะเริ่ม อย่างเต็มที่ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2567 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกันเม็ดเงินส่วนที่เหลือบริษัทมีแผนลงทุนขยายธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลและ ธุรกิจเฮลแคร์ ไม่ว่าจะเป็น การแสวงหาการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลตามเป้าหมายที่ 20 แห่งจากปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือ 18 แห่งใน 14 จังหวัด มุ่งขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางรักษาโรคยากซับซ้อนเช่น ศูนย์รักษาโรคมะเร็ง (Cancer Center) ศูนย์รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด (Heart Center) รวมถึงการลงทุนในธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุ (Eldercare), คลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก (IVF) ฯลฯ
"ถึงแม้ว่า PRINC จะขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่โรงแรมและอาคารสำนักงาน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 10% ของรายได้ทั้งหมด แต่ประเมินว่าการขยายธุรกิจโรงพยาบาลและการรับรู้รายได้โรงพยาบาล เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 3 แห่งประกอบด้วยโรงพยาบาลเชียงใหม่ ฮอสพิทอล โรงพยาบาลราชสีมา ฮอสพิทอลและโรงพยาบาลพิษณุโลก ฮอสพิทอล จำนวนเตียงรวม 145 เตียง จากบริษัท มาย ฮอสพิทอล จำกัด (MY HOSPITAL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ของบมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER) มูลค่าลงทุน 700 ล้านบาท คาดจบดีลและรับรู้รายได้ในปีนี้จะชดเชยรายได้จากธุรกิจอสังหาที่ลดลงไป ทำให้ PRINC ยังคงเป้าหมายการเติบโตตามแผน 10 ถึง 15% ในระยะ 5 ถึง 10 ปีนับจากนี้"
ขณะที่แนวโน้มผลงานในไตรมาส 3/67 คาดจะได้เห็นการเติบโตอย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/67 จากการรับรู้รายได้และกำไรจากการขายสินทรัพย์ ธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชน และธุรกิจเฮลแคร์ ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และผลจากการขยายเครือข่ายโรงพยาบาลส่งผลต่อการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการเชื่อมโยงการรักษาส่งต่อโรคยากซับซ้อน, การขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงการขยายฐานผู้รับบริการชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในรูปแบบ Drive-in ทั้งสปป.ลาว, กัมพูชา, เมียนมาร์ ฯลฯ ที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง