บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC) หรือ เอไอเอส คาดว่า ในปี 2551บริษัทจะมีรายรับสุทธิค่า IC ทั้งสิ้นประมาณ 400-600 ล้านบาท จากรายรับสุทธิค่า IC ในไตรมาส 1/2551 จำนวน 117 ล้านบาท
สำหรับผู้ให้บริการรายใหญ่ซึ่งมีราคาค่าบริการโดยเฉลี่ยสูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่นนั้น โดยปกติแล้วจะมีรายรับสุทธิจากค่าเชื่อมโยงโครงข่าย ในขณะเดียวกัน เนื่องจากบริษัทมีกลยุทธ์ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดในเชิงรายได้ ทำให้มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากการโทรออกมากกว่ารายได้ที่เกิดจากค่าเชื่อมโยงโครงข่ายในการรับสาย ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่าค่า IC ในปี 2551 จะมีปริมาณลดลงอย่างมากจาก 2.5 พันล้านบาทในปีที่แล้ว
ในปีนี้เอไอเอสคาดว่าจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของอุตสาหกรรมโดยรวมจะเติบโตประมาณ 15-20% หรือคิดเป็นจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นประมาณ 8-10 ล้านราย โดยสัดส่วนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยนับตามจำนวนซิมการ์ดต่อจำนวนประชากรจะมีปริมาณใกล้เคียง 93-96% ในขณะที่สัดส่วนจำนวนผู้ใช้บริการที่แท้จริงต่อประชากรคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 65-70% เนื่องจากคาดว่าจะยังคงมีผู้ใช้บริการจำนวนมากที่นิยมมีหลายหมายเลข
ราคาค่าบริการคาดว่าจะอยู่ในภาวะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยซึ่งจะเป็นไปตามที่ผู้ให้บริการแต่ละรายมีความต้องการคิดราคาค่าบริการให้เหมาะสมและสะท้อนต้นทุนค่าเชื่อมโยงโครงข่าย รวมถึงแนวโน้มการตั้งราคาเพื่อให้เกิดการใช้งานเครือข่ายในแต่ละช่วงเวลาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเอไอเอสตั้งเป้าหมายในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดในเชิงรายได้ที่ประมาณ 50% ของรายได้ตลาดโดยรวม โดยคาดว่าการเติบโตของรายได้จากการให้บริการจะอยู่ที่ 5-7% ในปี 2551
รวมถึงตั้งเป้าหมายที่จะก่อให้เกิดการเติบโตในด้านกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) อย่างต่อเนื่องดังเช่นที่เป็นมาในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปัจจัยที่สำคัญต่อการเติบโตทั้งในด้านรายได้และ EBITDAประกอบด้วย การเติบโตของสัดส่วนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อประชากรในต่างจังหวัด,
รายได้จากบริการทางด้านเสียงที่ดีขึ้นจากราคาค่าบริการที่ทรงตัว, การเติบโตของบริการทางด้านข้อมูล 15-20%และ รายได้เพิ่มเติมจากบริการโทรออกต่างประเทศที่น่าจะก่อให้เกิดสัดส่วนในเชิงรายได้เพิ่มสูงขึ้นจากในปี 2550 บริษัทได้เปิดให้บริการโทรออกต่างประเทศผ่านรหัส 005 ทำให้มีรายได้เพิ่มเติมคิดเป็น1.3% ของรายได้จากการให้บริการโดยรวม ซึ่งคาดว่าในปี 2551 รายได้ดังกล่าวจะสามารถเติบโตได้อีก40-50%
ในปีนี้บริษัทตั้งงบประมาณการลงทุนในเครือข่ายไว้ประมาณ 16,000-17,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายในการขยายสถานีฐานให้ได้ถึง 14,500 สถานีทั่วประเทศ โดยเน้นการลงทุนในด้านต่างๆประกอบด้วย การขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่องในต่างจังหวัด
เพื่อรักษาความแตกต่างจากคู่แข่งในด้านความครอบคลุมของเครือข่าย
การลงทุนเครือข่ายในเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ เช่น ถนนตัดใหม่ทางด่วน และระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพ, เขตที่อยู่อาศัยที่เกิดใหม่และเขตธุรกิจ อุตสาหกรรม และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
ทั้งนี้ ค่าเสื่อมราคาเครือข่ายในปี 2551 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10-12% เนื่องจากระยะเวลาในการตัดค่าเสื่อมสั้นลงตามระยะเวลาที่เหลือของสัญญาร่วมการงานซึ่งสิ้นสุดในปี 2558
--อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--