นายณรงค์ ศรีวรรณวิทย์ Chief Business Officer บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังเดินหน้าสร้างการเติบโต โดยเฉพาะกระแสการตอบรับการเปิดตัว Smartphone ใหม่ที่นำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้เป็นส่วนประกอบหลักเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบยังมีต่อเนื่อง ขณะที่ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เป็นไปตามที่คาด และกำลังซื้อและการใช้จ่ายภาคเอกชนเป็นไปอย่างระมัดระวัง แต่โดยรวมยังเชื่อว่าโครงการลงทุนภาครัฐจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3-4 นี้ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี COM7 มีความเชี่ยวชาญในการจัดจำหน่ายสินค้าไอที รวมทั้ง Smartphone และ iPhone ปัจจุบัน ต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเติบโตไปกับเทรนด์ของประเทศ พร้อมรุกจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโซล่าเซลล์ผ่านหน้าร้าน BaNANA ตอบรับเทรนด์ตลาดโซล่าเซลล์ในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดใหญ่แตะ 6 หมื่นล้านบาท เป็นโอกาสเติบโตต่อเนื่อง โดยขยายไปยังหัวเมืองในร้าน Standalone เพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังมองเห็นโอกาสจากภาพรวม Cloud Service มีการเติบโตที่ดี และก่อนหน้านี้ COM7 ได้จับมือพาร์ทเนอร์ Amazon Web Services (AWS) จึงมุ่งเน้นขยายการเติบโตในตลาด Cloud ในหลากหลายมิติ เจาะลูกค้าในตลาด SME ในการนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ โดยมีร้าน BaNANA เป็นช่องทางการให้บริการทั่วประเทศ
นายคงศักดิ์ บรรณาสถิตย์กุล Chief Innovation Officer กล่าวเสริมอีกว่า COM7 BUSINESS ให้บริการ Cloud ที่กำลังมาแรง และเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตด้าน AI, Big Data และ Cloud Computing โดยล่าสุดจับมือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ขับเคลื่อนบัญชีบริการดิจิทัลและอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย ช่วยให้ประชาชนและผู้ประกอบการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลที่มีมาตรฐาน ในราคาที่สมเหตุสมผล เตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตของยุค Digital Transformation
สำหรับยุคของ AI เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่วันนี้ภาคธุรกิจต่างให้ความสนใจ รวมถึงผู้บริโภคที่ให้การตอบรับมากขึ้น นับเป็นเรื่องใหม่ที่ AI จะเข้ามาทรานส์ฟอร์มอุตสาหกรรมค้าปลีก ซึ่ง COM7 ให้ความสำคัญในการนำมาปรับใช้ในองค์กร การใช้ Generative AI และบัญชี Learning มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้ามากขึ้น รวมถึง ยอดขาย Smartphone ที่ปรับตัวดีขึ้น ได้อานิสงส์จากฟีเจอร์ AI เข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดในไตรมาส 2 ปีนี้ และจับตาการเปิดตัว Apple Intelligence เป็นตัวชูโรง iPhone รุ่นใหม่ที่จะกระตุ้นยอดขายในครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ ผลประกอบการบริษัทฯ ไตรมาส 2/67 COM7 มีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 18,394.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 15,989.8 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมียอดขายสมาร์ทโฟนที่เติบโตถึง 21% ชูเทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะ Samsung Galaxy S24 ที่ยังเติบโตดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงได้กระแสตอบรับที่ดีจากการเปิดตัวสมาร์ทโฟน AI ของ OPPO Reno 12 ในช่วงปลายไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าการทยอยเปิดตัวสมาร์ทโฟน AI ผู้ผลิตรายอื่นๆ จะมีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะการมาของ Apple ขณะที่ ในไตรมาส 2 นี้ การเติบโตของรายได้ยังไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ เนื่องจากการขาดแคลนสินค้ากลุ่ม iPad ในรุ่นเปิดตัวใหม่ ทั้ง iPad Pro และ iPad Air เพราะมีความต้องการสูงทั่วโลกทำให้สินค้าไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย
สำหรับกำไรของบริษัทใหญ่เท่ากับ 752.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 13.5% ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 14.5% แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเท่ากับ 12.7% เนื่องจากได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในการเปิดตัวสินค้าใหม่ ทำให้บริษัทสามารถลดการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย รวมถึงการขายสินค้า Accessories ควบคู่ไปกับสินค้าหลักอย่าง Smartphone และ iPad ได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไร 1,574.0 ล้านบาท อยู่ในระดับทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 1,577.8 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 67 จะเติบโต 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 69,641.7 ล้านบาท จากการจัดทัพสินค้าไอที เทคโนโลยี ควบคู่การบริการอย่างครบวงจร พร้อมเดินหน้านำสินค้าตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคให้มากที่สุด รวมทั้งพยายามบริหารจัดการควบคุมสินค้าคงเหลือ (Inventory) การตั้งสำรองลดลง และต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในปี 66 ยังไม่ส่งผลกำไรกลับมาตามคาด แต่มองว่าจะเริ่มเห็นภาพชัด และสนับสนุน COM7 มีฐานกำไรที่แข็งแกร่งในปีนี้ได้
แผนขยายสาขาในปีนี้ ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ภายใต้การบริหารของ COM7 รวมประมาณ 150 สาขา โดยครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 92 สาขา แต่มีการปิดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการทำกำไรอีก 66 สาขา ทำให้ครึ่งปีมีสาขาทั้งหมดอยู่ที่ 1,382 สาขา เทียบกับสิ้นปี 66 มีทั้งหมด 1,356 สาขา เป็นการเปิดทั้งในศูนย์การค้าและโฟกัสรูปแบบ Standalone โดยจะมุ่งเน้นเปิดสาขาที่มีศักยภาพในการเติบโต