(เพิ่มเติม) THCOM คาดปี 51 พลิกมีกำไรก่อนรายการพิเศษ/เป้ายอดขาย UT 1.0-1.4 แสนชุด

          บมจ.ไทยคม(THCOM) เชื่อว่า ปี 51 บริษัทจะมีกำไรก่อนรายการพิเศษ จากที่ขาดทุนในปีก่อนประมาณ 137 ล้านบาท (ก่อนนับรวมกำไรจากการขายหุ้นบริษัท เชนนิงตัน)  เนื่องจากปีนี้คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จาก 1.2 หมื่นล้านบาทในปี 50 ซึ่งสูงกว่าเป้าที่วางไว้ ขณะที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงเหลือไตรมาสละ 100 ล้านบาท จากที่เคยอยู่ในระดับไตรมาสละ 200 ล้านบาท รวมทั้งคาดว่าจะมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทที่แข็งค่า
          ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมียอดขายอุปกรณ์ปลายทาง iPSTAR ประมาณ 1.0-1.4 แสนชุด เพิ่มขึ้นจากที่มียอดขาย 3.8 หมื่นชุดในปี 50 เนื่องจากบริษัทขยายตลาดผู้ใช้บริการในเกาหลี ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย ในชวงไตรมาส 2/51 ส่วนอินโดนีเซียจะเปิดได้ในไตรมาส 3/51 
          "เรามีเป้าหมายในปีนี้ที่จะมียอดขาย UT รวมถึงสิ้นปีนี้อยู่ที่ 2 แสนชุด มองว่าเราจะถึงจุดคุ้มทุนเร็วขึ้นเป็นปลายปีนี้ แต่แผนน่าจะอยู่ในช่วงกลางปีหน้า" นายธนฑิต เจริญจันทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการส่วนการเงินและบัญชี THCOM กล่าว 
          ณ สิ้นไตรมาส 1/51 บริษํทมียอดส่งมอบ UT ให้ลูกค้าแล้ว 1.25 แสนชุด  และมียอดจำหน่าย UT รวมแล้วประมาณ 1.45 แสนชุด
          สำหรับการทำตลาดในจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่นั้น บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อทำการตลาดเชิงรุกในกลุ่มผู้ใช้รายย่อยของจีน ช่วงแรกได้มีการทดลองทำการตลาดในมณฑลแห่งหนึ่งแล้ว และคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเริ่มมียอดขาย UT เข้ามาจากจีนประมาณ 1 หมื่นชุด ส่วนตลาดในอินเดีย คาดว่าจะทำการตลาดได้เร็วขึ้นกว่าที่คาดหมายไว้ในไตรมาส 4/51 ซึ่งขณะนี้ใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว 
          ขณะนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาขายอุปกรณ์ UT ล็อตใหม่ให้กับ บมจ.ทีโอที คาดว่าจะรู้ผลในไตรมาส 2/51 
          นายธนฑิต คาดว่าทั้งรายได้จากการขายและบริการ และกำไรสุทธิในไตรมาส 2/51 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/51 ทีมีรายได้จากการขายและบริการ 1.86 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 281 ล้านบาท 
          ขณะที่คาดว่ารายได้ในครึ่งปีหลังจะมากกว่าครึ่งปีแรก โดยจะเห็นผลจากการเข้าตลาดใหม่ของ iPSTAR
          ด้านนายปฐมภพ สุวรรณศิริ ผู้อำนวยการสำนักการตลาด iPSTAR กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเพิ่มกลยุทธ์การตลาดสำหรับดาวเทียมiPSTAR โดยจะร่วมกับพันธมิตรแต่ละประเทศรุกตลาดผู้ใช้รายย่อยที่คาดว่าจะยังมีความต้องการมาก ขณะที่ตลาดในประเทศ จะหันมาเจาะลูกค้ากลุ่มโรงแรมระดับ 4-5 ดาว เริ่มต้นที่หัวหิน, เกาะเสม็ด ซึ่งเป็นการทำตลาดเพื่อกระตุ้นตลาด และให้ทีโอทีซึ่งเป็นพันธมิตรในประเทศเข้าไปทำตลาดต่อไป