"ยูนิคพลาสติก อินดัสตรี" ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 180 ล้านหุ้นเข้า SET ใช้ขยายธุรกิจ-คืนหนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 8, 2024 11:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ยูนิคพลาสติก อินดัสตรี (UNIX) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 180,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET โดยมี บล.บียอนด์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

วัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ 1.ลงทุนในเครื่องจักร เครื่องมืออุปกรณ์ รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทและบริษัทย่อย 2. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย และ 3. ชำระคืนเงินกู้ยืมของบริษัทและบริษัทย่อย

UNIX เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมฟิล์มและบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีความชำนาญและประสบการณ์มากกว่า 30 ปี บริษัทสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้าและตลาดด้วยแนวคิดใหม่ๆ เช่น การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ (State of the Art) มุ่งส่งเสริมด้านการคิดค้น ออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง (Research and Development) และสร้างแนวการทำงานฝ่ายผลิตที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) ที่สามารถนำเสนอการลดต้นทุนให้กับลูกค้าผ่านแนวคิดการลดต้นทุนผ่านกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพและสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่มาทดแทน (Value Engineering)

บริษัทและบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจครบวงจรทั้งภาคผลิตและจัดจำหน่าย สินค้าหลัก คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิล์มและบรรจุภัณฑ์พลาสติก และบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งโครงสร้างรายได้จากการขายในช่วงปี 64-66 และงวด 3 เดือนแรกของปี 67 มีรายได้จากการขาย 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย (1) ผลิตภัณฑ์ฟิล์มและบรรจุภัณฑ์พลาสติก (2) บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค และ (3) รายได้จากการขายอื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขายวัตถุดิบ ทั้งนี้ รายได้จากการขายทั้ง 3 กลุ่ม คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 57% 40% และ 3% ของรายได้จากการขายรวม ตามลำดับ

กลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิล์มและบรรจุภัณฑ์พลาสติก แยกเป็น 3 กลุ่มสินค้า ประกอบด้วย (1) ฟิล์มสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจด้านอุปโภคและบริโภค (2) ฟิล์มและบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุของหนัก (Heavy Duty Shipping Bag) ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นธุรกิจปิโตรเคมีภัณฑ์และเม็ดพลาสติก และ (3) ฟิล์มและบรรจุภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมทัวไป (Industrial Product Film) ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมทั่วไป อาทิ เครื่องไฟฟ้า เครื่องใช้ครัวเรือน

ส่วนกลุ่มบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Product) ลูกค้าเป้าหมายหลัก คือ ผู้ประกอบการผู้ค้าส่งและค้าปลีก รวมถึงร้านค้าขายของชำทั่วประเทศ ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายส่วนใหญ่เป็นถุงบรรจุภัณฑ์สำหรับครัวเรือน เช่น ถุงร้อน ถุงเย็น ถุงหูหิว ถุงตัดตรง ถุงขยะ และถุงอื่นๆ เปนต้น โดยผลิตและจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ ตรากุญแจ ตรากุญแจใจ ตรากุญแจแดง ตรากุญแจเขียว ตรากุญแจม่วง ตรากุญแจน้ำตาล ตรากุญแจน้ำเงิน และตรามิตรภาพ

ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 660 ล้านหุ้น เป็นทุนเรียกชำระแล้ว 480 ล้านหุ้น โดยมีกลุ่มผู้ถือหุ้นหลัก คือ นาย นิทัศน์ นวชาตโฆษิต 240 ล้านหุ้น คิดเป็น 50% หลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 36.36% นางสาว กนกวรรณ นวชาตโฆษิต 144 ล้านหุ้น คิดเป็น 30%จะลดเหลือ 21.82% และ นางสาว สมพร เซียงฉิน 96 ล้านหุ้น คิดเป็น 20% จะลดเหลือ 14.55%

ช่วงปี 64-66 บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,968.97 ล้านบาท 3,219.53 ล้านบาท และ 3,013.95 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิ 169.33 ล้านบาท 174.29 ล้านบาท และ 150.98 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่งวดไตรมาสแรกของปี 67 มีรายได้ 787.79 ล้านบาท กำไรสุทธิ 49.11 ล้านบาท

ณ วันที่ 31 มี.ค.67 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,103.33 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,717.14 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 386.19 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทจะมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองอื่น ๆ

นายโสฬส ยอดมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UNIX กล่าวว่า "เราเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมฟิล์ม และบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีความชำนาญและประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้าและตลาดด้วยแนวคิดใหม่ๆ เช่น การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ (State of the Art) มุ่งส่งเสริมด้านการคิดค้น ออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง (Research and Development) และสร้างแนวการทำงานฝ่ายผลิตที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) สามารถนำเสนอการลดต้นทุนให้กับลูกค้าผ่านแนวคิดการลดต้นทุนผ่านกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพและสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่มาทดแทน (Value Engineering) พร้อมดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้าน ESG ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลที่ดี เพื่อสร้างการเติบโต ควบคู่กับการสร้างสังคมสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ