บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) ยังเติบโตโดดเด่นในไตรมาส 3/67 จากปริมาณการขายยาง EUDR เร่งตัวขึ้น เริ่มเห็นกลุ่มลูกค้าจีน สหรัฐ และญี่ปุ่น หันมาซื้อยาง EUDR เพิ่มขึ้น อีกทั้งปัจจุบันราคายาง SICOM ปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 2/67 คาดหนุนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)
ขณะที่ธุรกิจถุงมือยาง ความต้องการดีขึ้นรับอานิสงส์จากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ จีน บราซิล ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อมาที่ไทยมากขึ้น และสามารถปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุน
ปิดเที่ยง ราคาหุ้น STA อยู่ที่ 21.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท (+0.94%)
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) หยวนต้า ซื้อ 33.70 กรุงศรี ซื้อ 22.00 กสิกรไทย ซื้อ 25.00 ลิเบอเรเตอร์ ซื้อ 26.00 ทรีนีตี้ ซื้อเก็งกำไร 23.80
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า มองแนวโน้มกำไร STA ในไตรมาส 3/67 เร่งตัวขึ้นต่อทั้ง QoQ และ YoY จาก 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจยางพาราและถุงมือยาง ธุรกิจยางพารา แม้คาดปริมาณการขายน่าจะทรงตัวจากไตรมาส 2/67 แต่ราคาขายเฉลี่ยคาดปรับตัวขึ้นตามราคายาง SICOM เป็น 175-180 เซนต์ต่อกิโลกรัม จากไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 168 เซนต์ต่อกิโลกรัม และสัดส่วนปริมาณขายยาง EUDR คาดจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 45,000-50,000 ตัน คิดเป็น 20-25% ของปริมาณการขายทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ Product Mix ของ STA ดีขึ้นอย่างชัดเจน และเป็นปัจจัยหนุนต่ออัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) โดยเราคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นเป็น 11-12% ในธุรกิจยางพารา อีกทั้งยังเริ่มเห็นสัญญาณลูกค้าฝั่งจีน สหรัฐ มีคำคำสั่งซื้อยาง EUDR เข้ามามากขึ้น สะท้อนว่าไม่ใช่แค่ลูกค้ายุโรปที่มีความต้องการยางชนิดนี้ ส่วนประเด็นที่ตลาดกังวลว่าจะเลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย EUDR หรือไม่นั้น มองว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ไม่มีผลกระทบกับคำสั่งซื้อของลูกค้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากขณะนี้เริ่มเห็นคำสั่งซื้อเข้ามาแล้ว และลูกค้าเริ่มแข่งขันกันทำการตลาดด้วยยาง EUDR หากใครสามารถทำได้ก่อนก็จะชิงมาร์เก็ตแชร์ได้ก่อน ส่วนธุรกิจถุงมือยาง ในไตรมาส 3/67 แนวโน้มกำไรยังดีต่อเนื่อง จากออเดอร์ที่เลื่อนมาจากไตรมาส 2/67 และดีมานด์ถุงมือยางยังได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ จีน บราซิล ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อมาที่ไทยมากขึ้น ด้าน Valuation ของ STA ปัจจุบันมองว่าราคาหุ้นไม่แพง และยังสามารถคาดหวังเงินปันผลได้ราว 7% ต่อปี คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 33.70 บาท บล.กรุงศรี คาดกำไรปกติของ STA ในไตรมาส 3/67 ที่ 684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +12% QoQ เพราะยอดขาย และ GPM ยังคงเพิ่มขึ้น จากธุรกิจยางพารา ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และ GPM ดีขึ้น เพราะปริมาณขายยาง EUDR จะเพิ่มจาก 15,000 ตันในไตรมาส 2/67 เป็น 48,000-64,000 ตันในไตรมาส 3/67 ส่วนธุรกิจถุงมือยางคาดปริมาณขายและราคาขายเพิ่มขึ้น ตามความต้องการถุงมือดีขึ้น ราคาขายปรับขึ้นตามต้นทุน คงคำแนะนำ Trading Buy และ Roll over ไปใช้ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 22.00 บาท คาดว่าแนวโน้มการใช้มาตรฐาน EUDR ในปี 68 จะเกิดขึ้นจริง และจะทำให้ผู้ส่งออกที่มียาง EUDR สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกภูมิภาค ดังนั้น STA มีความสามารถในการแข่งขันในจุดนี้ บล.ทรีนีตี้ คาดปริมาณการขายยางธรรมชาติของ STA ในไตรมาส 3/67 จะอยู่ที่ 3.3 แสนตัน ใกล้เคียงไตรมาส 2/67 โดยคาดว่าจะเป็นสัดส่วนจากยาง EUDR ที่ 15-20% โดยในเดือนก.ค.-ส.ค.67 เริ่มเห็นกลุ่มลูกค้าจีน สหรัฐ และญี่ปุ่นหันมาซื้อยาง EUDR เช่นกัน ซึ่งสัดส่วนการขายยาง EUDR ที่เพิ่มขึ้นจะหนุน Gross Margin ให้สูงขึ้น เนื่องจากการขายยาง EUDR เป็นการขายแบบ Cost Plus ที่มี Gross Margin สูงกว่าการขายยางธรรมดา ขณะที่ราคายาง SICOM ปัจจุบันอยู่ที่ 175 เซนต์ต่อกิโลกรัม สูงกว่าไตรมาส 2/67 ราว 4% STA ตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากยาง EUDR ที่ 50% ของยอดขายในเดือน ธ.ค.67 และคาดปี 68 จะมีสัดส่วนสูงขึ้น อย่างไรก็ดี การตั้งราคาแบบ Cost Plus Model ขึ้นอยู่กับ Supply ของ EUDR ในตลาด หากมี EUDR ในตลาดเพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลให้ราคากลับมาอยู่ใกล้เคียงราคา SICOM ทั้งนี้ ยังคงคาดการณ์กำไร STA ในปี 67-68 ที่ 2.32 พันล้านบาท และ 2.9 พันล้านบาท ตามลำดับ โดยมียอดสั่งซื้อยาง EUDR จะเป็นตัวหนุน Gross Margin ให้อยู่สูงกว่า 10% คาดสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มลูกค้ายุโรปจะสูงขึ้นจากกลุ่ม EUDR ในขณะที่กลุ่ม Non-EU ที่มีการส่งสินค้าไปยังยุโรปเริ่มมีการซื้อยาง EUDR จาก STA เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน