ราคาหุ้น ANAN พุ่ง 7.35% มาที่ 0.73 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 18.88 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.10 น. จากราคาเปิด 0.71 บาท ราคาสูงสุด 0.75 บาท ราคาต่ำสุด 0.70 บาท โดยเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ที่ปรับขึ้น 11.48% หรือเพิ่มขึ้น 0.07 บาท มาที่ 0.68 บาท
บล.กรุงศรี มีมุมมอง positive หุ้น บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) ต่อความคืบหน้าของโครงการ Ashton Asoke จากประเด็นที่กฤษฎีกาให้ความเห็นว่าสามารถกลับไปขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ได้ ขั้นตอนหลังจากนี้คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเสนอเรื่องไปที่กระทรวงคมนาคม เพื่อนำเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง ภายหลังครม. อนุมัติใบอนุญาต โครงการนี้ก็จะถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย คาดขั้นตอนจบในไตรมาส 3/67 เป็นอย่างเร็ว แต่ช้าสุดคาดไม่เกินไตรมาส 4/67 ราคาหุ้นในระยะสั้นน่าจะตอบรับเชิงบวก เพราะประเด็น overhang จะหมดไป
ส่วนแผนการออกหุ้นกู้ในช่วงไตรมาส 4/67 หรือการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 4/67 น่าจะทำได้ เพราะโอกาสในการหา source of fund ทั้งจาก bank และหุ้นกู้จะมีโอกาสมากขึ้น โดย ANAN มีแผนเปิด 2 โครงการ condo ใหม่ในไตรมาส 4/67 มูลค่ารวม 16.4 พันลบ.
อย่างไรก็ตาม ระยะ 3-4 ไตรมาสข้างหน้ายังเป็นช่วงเวลาประคองตัว โดยพยายามรักษา core operation ให้ breakeven ให้ได้ ผ่านการระบาย stock และเตรียมแผนคืนหุ้นกู้รอบ ม.ค.68 อีก 3 พันลบ. มองโอกาสกลับมา turnaround อยู่ในครึ่งหลังปี 68 เป็นอย่างเร็ว ภายหลังโครงการใหม่เริ่มโอนหรือ active การกลับมาเปิดโครงการมากขึ้น
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/67 outlook ทั้ง presale, transfer มีโอกาสเพิ่ม y-y, q-q และคาด core operation เพียง breakeven หรือขาดทุนเล็กน้อย ซึ่งไม่เหนือความคาดหมาย ส่วนความชัดเจนจาก Ashton Asoke คาดมองเป็นปัจจัยบวกระยะสั้น ส่วน business direction ในช่วงครึ่งปีหลังปี 67-ครึ่งแรกปี 68 ยังเน้นเรื่องบริหารสภาพคล่อง ผ่านการระบาย stock ด้วย price promotion ทำให้คาด % GPM residential ยังต่ำเพียง 21-22%
สำหรับหุ้นกู้ที่รอชำระคืนอีกครั้งใน ม.ค.68 ที่ราว 3.0 พันลบ. ANAN มีแผนออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาเพื่อชำระคืน และถึงแม้ IB D/E น่าจะเริ่มทรงตัวที่ 1.4x แต่ cost of debt ที่ยังสูงกว่าปกติที่ 6.0-6.5% น่าจะยังกดดัน core operation โดยภาพรวมแผนธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังปี 67-ครึ่งแรกปี 68 เพียงการประคับประคองตัวและรักษาสภาพคล่อง
โดยเราคง core operation ในปี 67 ที่ขาดทุน -150 ลบ. และมีโอกาสเป็นกำไรในปี 68 คง TP25F ที่ 0.70 บาท/หุ้น คงแนะนำ Reduce มองโอกาส turnaround จะเห็นเร็วสุดใน H2/68 เป็นต้นไป