ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 66.20 จุด หรือ 0.52% แตะระดับ 12,898.38 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 5.62 จุด หรือ 0.40% แตะระดับ 1,408.66 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 1.58 จุด หรือ 0.06% แตะระดับ 2,496.70 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 3.86 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2
นักลงทุนขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนี CPI โดยรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.1% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์เช่นกัน
มาร์ค พาโด นักวิเคราะห์จากบริษัทแคนเตอร์ ฟิทซ์เจอรัลด์ กล่าวว่า "ดัชนี CPI ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเฟ้อ ซึ่งก่อนหน้านี้ประเด็นเงินเฟ้อเป็นปัจจัยลบที่สกัดกั้นการพุ่งขึ้นตลาดหุ้นนิวยอร์กมาโดยตลอด เนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าราคาอาหารและน้ำมันที่สูงขึ้นจะบั่นทอนความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ซึ่งตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ"
เมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลง 1.58 ดอลลาร์ แตะระดับ 124.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงด้วย
อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นต่อไปอีก เนื่องจากบริษัทพลังงานลงทุนด้านการผลิตและสาธารณูปโภคด้านการผลิตน้อยเกินไป จนไม่สามารถรับมือกับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ การเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้า ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ดันราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นด้วย
ด้านนาย เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมตลาดเงินซึ่งจัดขึ้นโดยเฟดสาขาแอตแลนต้า ว่า ภาวะผันผวนในตลาดการเงินลดน้อยลงแล้ว เนื่องจากเฟดใช้มาตรการผ่อนปรนหลายด้าน รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน แต่เบอร์นันเก้ยอมรับว่า สถานการณ์ในตลาดการเงินยังคงอยู่ห่างจากภาวะปกติ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ไขสาเหตุพื้นฐานที่เกิดจากภาวะตึงเครียดทางการเงิน ซึ่งเขามองว่ากระบวนการนี้ต้องใช้เวลาดำเนินการสักระยะหนึ่ง
หุ้นแอปเปิลร่วงลง 2% ขณะที่หุ้นมาร์ซีพุ่งขึ้น 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--