นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) กล่าวว่า ปัจจุบันมูลค่างานในมือ (Backlog) ของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงทำระดับสูงสุดใหม่ (New High) มาที่ 1.37 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่หลายๆหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมีการขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานดิจิทัลมากขึ้น ประกอบกับททิศทางของเศรษฐกิจที่ยังมีการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้หลายๆภาคส่วนยังคงมีการลงทุนด้านดิจิทัลต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้รับความไว้วางใจจากหลายภาคส่วนในการเข้ารับงาน
โดยบริษัทมองว่าการทำ Digital Transformation หรือการปรับปรุงระบบการทำงานให้เข้าสู่ดิจิทัล ยังมีความต้องการในตลาดอยู่มาก โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่ยังมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงระบบดิจิทัลในการทำงานเพื่อให้สามารถทำงานได้รวดเร็ว และช่วยลดต้นทุน อีกทั้งเทคโนโลยีมีการพัฒนาตลอดเวลา และธุรกิจในยุคสมัยใหมต่างต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนั้นความต้องการทำ Digital Tranformation และการปรับใช้เทคโนโลยีของหน่วยงานต่างๆจึงกลับมาอย่างรวดเร็ว จากปัจจัยข้างต้ยเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนต่อทิศทางผลการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปีหลังนี้จะฟื้นตัว และเติบโตไม่น้อยกว่า 15% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประกอบกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีทั้งในส่วนของบริษัทแม่และบริษัทในเครือเต็มปี ทำให้ภาพรวมของผลประกอบการปี 67 จะสามารถทำระดับ New high ได้อีกครั้ง
ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ได้แก่ เวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้มีลูกค้าที่พร้อมลงทุนด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก รวมถึงฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่ภาคธุรกิจกำลังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้นต่อเนื่อง บริษัทยังมีการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆในกลุ่มประเทศเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง