JMART ผนึก Creator ชื่อดัง "ตี๋โอ" เปิดเกมรุกหนักด้วยคอมเมิร์ซเทคพุ่งเป้ากวาดยอดขายหมื่นล้าน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 29, 2024 15:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอกชัย สุขุมวิทยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (J Ventures) เข้าลงทุนใน บริษัท เวก้าครีเอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ VEGA Creator รวมสัดส่วนถือหุ้น 30% ตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้นเดิมและเพิ่มทุนใน VEGA ซึ่งประกอบธุรกิจแบบเชื่อมโยงระหว่าง Creator และ Influencer กับ Social Media E Commerce Platform

การเข้าลงทุนใน VEGA Creator มีเป้าหมายเพื่อสร้าง New Jaymart ตามวิสัยทัศน์ของกลุ่มที่จะต้องรุกเข้าสู่รูปแบบการขายที่แตกต่าง และเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ สร้างโอกาสทางการตลาด ภายใต้ Ecosystem และพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดัน Commerce Tech ที่จะสร้างรูปแบบการค้าปลีกในกลุ่มให้ทันสมัย เข้าสู่ Gen Z และ Alpha ที่มีประสบการณ์ในการช้อปปิ้งบนสื่อออนไลน์ประเภทต่างๆ

ทั้งนี้ JMART มี Ecosystem พร้อมที่จะสนับสนุนการเติบโตของ VEGA Creator ทั้งในด้านเงินทุน เทคโนโลยี การบริหารจัดการ เพื่อเตรียมสร้างกลุ่ม Multi-Channel Network (MCN) ที่แข็งแรงให้กับประเทศไทยในอนาคต

"กระแสการซื้อสินค้าผ่าน Social Media Platform เช่น TikTok YouTube Shopee Lazada กำลังมาแรง ผู้บริโภคในประเทศให้การตอบรับค่อนข้างมาก ผ่านทั้ง Affiliate Program ต่างๆ บน Platform การสร้างยอดขายในช่องทางเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนแนวการขาย ให้เข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น การขายมือถือหรืออุปกรณ์เสริม เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกลุ่มเท่านั้น เพราะ MCN ขายอะไรก็ได้ที่ตอบโจทย์ ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ในอนาคตอาจเห็น JMART มาไลฟ์ขายบ้าน ขายสินค้า Lifestyle อื่นๆ ที่สร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น" นายเอกชัย กล่าว

นายเอกชัย กล่าวว่า จากการเริ่มนำสินค้าของกลุ่มเจมาร์ทมาไลฟ์ขายช่องทาง Social Media Platform แคมเปญ 7.7 ผ่านทางตี๋โอ (ครีเอเตอร์) ได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด ได้มากกว่า 20 เท่า ดังนั้น บริษัทจึงตั้งเป้าหมายยอดขายผ่านครีเอเตอร์ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 68

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร J Ventures เปิดเผยว่า การเข้าลงทุนครั้งนี้ของ J Ventures จะเข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวน 20,055 หุ้น หรือคิดเป็น 8.81% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของ VEGA Creator รวมเป็นเงิน 9 ล้านบาท และ JMART จะเข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวน 40,110 หุ้น หรือคิดเป็น 17.62% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของ VEGA รวมเป็นเงิน 18 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนครั้งนี้ เป็นไปตามแนวทางการทำ Digitization ของกลุ่ม JMART ที่ J Ventures ได้เป็นแกนนำหลักในการเข้ามาปฏิวัติการคิดใหม่ ทำใหม่ ในธุรกิจของกลุ่มบริษัท และจากการลงทุนครั้งนี้ คาดว่าจะมียอดขายในกลุ่ม Commerce Tech เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยที่ผ่านมาได้เริ่มโครงการกันไปแล้ว ทั้งแคมเปญ 7.7 และ 8.8 ซึ่งโกยยอดขายได้ตามเป้าหมาย

นายวุฒิพงษ์ ลิขิตชีวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร VEGA Creator หรือ ตี๋โอ ผู้สร้างปรากฏการณ์ทำ Live Commerce ของเมืองไทย เปิดเผยว่า VEGA Creator จะได้โอกาสทั้งในด้านของ Supply Chain, Technology, พื้นที่ทำเลดี และมีสิทธิประโยชน์ให้กับผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เช่น การสะสมคะแนน J Point โดยคนซื้อจะได้รับความคุ้มค่า ครีเอเตอร์ และ VEGA Creator จะได้รับค่าตอบแทน ส่วนแบรนด์ก็ได้รับผลกำไรจากยอดขาย เรียกได้ว่า Win-Win-Win ทุกฝ่าย เกิดเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างยั่งยืน

ขณะที่ จุดเด่นของ VEGA Creator คือ Ecosystem ที่สนับสนุนแบรนด์และครีเอเตอร์ผ่านแพลตฟอร์มพาร์ทเนอร์ เช่น TikTok Shopee Lazada รวมทั้ง แพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น สามารถเชื่อมโยง Ecosystem เหล่านี้ด้วย VEGA Application และใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อน อาทิ VEGA AI ทำให้ครีเอเตอร์ทำงานง่ายขึ้น ขณะที่แบรนด์มีโอกาสเพิ่มยอดขาย

"จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวผมเอง ผมได้เห็นว่าในอนาคต ของการขายสินค้า หนึ่งคีย์สำคัญ ในการเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ได้นั่นคือ ครีเอเตอร์ VEGA Creator คือบริษัทที่รวบรวมครีเอเตอร์ ที่เน้นขายสินค้า หรือที่เรียกว่า Commerce Tech เข้าด้วยกัน

ปัจจุบันเราเรียกธุรกิจลักษณะแบบนี้ว่า "MCN" รวมถึงประสบการณ์โดยตรงตัวผม ที่สร้างไลฟ์ประวัติศาสตร์ 22 ล้านบาทใน 1 ไลฟ์ซึ่งสามารถสนับสนุนความรู้ เทคนิคต่างๆ ให้ครีเอเตอร์ ได้โดยตรง ซึ่งสิ่งเหล่านีส่งผลลัพธ์ให้ ในระยะเวลา 1 ปีกว่า เกิดยอดขาย (GMV) มากกว่า 1,000 ล้านบาท และในไตรมาสถัดๆ ไป ทาง VEGA Creator จะเร่งขยายทั้งในด้านทีมงาน และทั้งในด้านเชิงโครงสร้าง ที่จะอำนวยความสะดวกให้ครีเอเตอร์มากขึ้น ครอบคลุมทั้งใน กทม. ปริมณฑล และหัวเมืองต่างๆ เพื่อรองรับการเพิ่มโอกาสให้กับการสร้างครีเอเตอร์เพิ่มมากขึ้น และในท้ายที่สุด ก็จะเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ และสินค้าต่างๆ มากขึ้น สามารถเติบโตด้วยการตลาดและการขายยุคใหม่ ภายใต้ต้นทุนที่คุ้มค่า" นายวุฒิพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ