นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือและพื้นที่ใกล้เคียง ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชน และผู้ประกอบการธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม ธนาคารไทยพาณิชย์มีความห่วงใยลูกค้าและพร้อมอยู่เคียงข้างให้การช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ ธนาคารจึงได้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ทั้งลูกค้าบุคคล ลูกค้าเอสเอ็มอี และลูกค้าขนาดใหญ่ ในพื้นที่ประสบภัยอย่างเต็มที่ โดยมาตรการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
ลูกค้าบุคคลและลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ (SSME) ธนาคารให้ความช่วยเหลือประกอบด้วย 1) การพักชำระหนี้เป็นระยะเวลาสูงสุด 3 เดือน 2) ลดอัตราดอกเบี้ยได้สูงสุด 100% ของอัตราดอกเบี้ยเดิมภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน 3) ขยายระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี สำหรับลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัย และสูงสุด 3 ปี สำหรับลูกค้าสินเชื่อ SSME (รวมอายุผู้กู้ไม่เกิน 65 ปี)
สำหรับลูกค้าบุคคลประเภทสินเชื่อรถยนต์ สามารถขอพักชำระหนี้สูงสุดไม่เกิน 3 เดือน และขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระสูงสุด 3 เดือน (รวมอายุผู้กู้ไม่เกิน 65 ปี)
ลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารมอบความช่วยเหลือให้ทั้งผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางตรง คือ ทรัพย์สินของกิจการได้รับความเสียหาย และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม คือ ทรัพย์สินของกิจการไม่ได้รับความเสียหาย แต่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ผ่าน 4 มาตรการหลัก ได้แก่ 1) การพักชำระทั้งเงินต้นสูงสุดนาน 6 เดือน 2) การพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยไม่เกิน 3 เดือน 3) เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราวสูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม และไม่เกิน 10 ล้านบาท และ 4) วงเงินกู้สำหรับปรับปรุง ซ่อมแซมหรือซื้อทดแทนทรัพย์สินของกิจการที่เสียหาย สูงสุด 20% ของวงเงินรวมเดิม สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท
สำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าให้ติดต่อประสานงานเพื่อสอบถามความต้องการ และให้การสนับสนุนอย่างทันท่วงที ซึ่งพิจารณาความช่วยเหลือตามความเหมาะสมทางธุรกิจแต่ละราย อาทิ การยืดระยะเวลาการชำระหนี้ หรือเพิ่มวงเงินพิเศษเพื่อความจำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานทางด้านธุรกิจต่างๆ ให้แก่ลูกค้าทุกรายที่ได้รับผลกระทบ