นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมทบทวนเป้าหมายทางธุรกิจในปี 67 ลดลง ทั้งยอดขายที่ตั้งไว้ 1.75 หมื่นล้านบาท ยอดโอน 1.2 หมื่นล้านบาท และจำนวนโครงการเปิดใหม่ 17 โครงการ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความเสี่ยงของกำลังซื้ออ่อนแอ และปัญหาหนี้สินครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยชะลอลง
ขณะเดียวกัน ปัญหาหนี้สินครัวเรือนสูงมีผลต่อความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการพิจารณาให้สินเชื่อที่ยังคงมีความเข้มงวดมาก เห็นได้จากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยยังอยู่สูงถึง 60-70% มีผลกระทบต่อยอดโอนโครงการของบริษัท และการรับรู้รายได้ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีความระมัดระวังในการเปิดโครงการใหม่ และมีการเตรียมความพร้อมก่อนการโอนโครงการให้กับลูกค้า
จากแรงกดดันที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะไม่เร่งเปิดโครงการใหม่ รวมถึงการซื้อที่ดิน เพื่อรอติดตามสถาการณ์ต่างๆ ให้เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนก่อน และต้องการเก็บกระแสเงินสดไว้ให้มากที่สุดเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจในระยะนี้ เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้เงินลงทุนสูง หากภาพรวมต่างๆ ยังไม่ดีขึ้นแล้วเดินหน้าเร่งลงทุนอาจทำให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง ส่งผลผลกระทบต่อบริษัทและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ เป็นวงกว้างได้ เป็นปัจจัยที่บริษัทให้ความสำคัญในการพิจารณาอย่างมาก
ด้านมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ของบริษัทในปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 7 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จะทยอยโอนในปี 68 ซึ่งเป็นปีที่มีโครงการสร้างเสร็จใหม่จำนวนมาก ส่วนในปีนี้จะเน้นไปที่การระบายสต็อกเป็นหลัก คาดว่าในช่วงปลายไตรมาส 3/67 และไตรมาส 4/67 หากสถานการณ์ต่างๆ เริ่มนิ่ง และรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่มีผลต่อการซื้อที่อยู่อาศัย จะทำให้กลุ่มคนที่มีความพร้อมในการซื้อที่อยู่อาศัยกลับมาซื้อมากขึ้น
ส่วนการเดินหน้าจับมือพัฒนาโครงการร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น คือ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด หรือ ฮันคิว ฮันชิน ที่ร่วมกันพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมา 66 โครงการ มูลค่ารวม 8.3 หมื่นล้านบาท มาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ยังคงมีความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นต่อเนื่อง และทาง ฮันคิว ฮันชิน ยังมีความมั่นใจต่อการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะความร่วมมือกับ SENA ยังทำผลงานได้ดี และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับ ฮันคิว ฮันชิน มาต่ออย่างเนื่อง ซึ่งฮันคิว ฮันชิน มีการลงทุนในไทยมากที่สุดในอาเซียน และวางแผนจะพัฒนาโครงการใหม่ร่วมกันปีละ 4-7 โครงการ