CONSENSUS: CPF Q3/67 กำไรโตไม่พัก รับราคาหมูพุ่ง ต้นทุนเลี้ยงหด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 2, 2024 14:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เก็ง Q3/67 กำไรโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน รับผลดีจากราคาเนื้อหมูฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะในจีน ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงต่ำลง หลังจากอาหารสัตว์ที่มีวัตถุดิบหลักคือถั่วเหลืองราคาปรับตัวลดลง รวมถึงได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูก คือ บมจ.ซีพีออลล์ (CPALL) และ บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) จะเข้ามามากขึ้นจากที่สามารถทำยอดขายได้ดีขึ้นตามลำดับ

ราคา CPF ปิดเที่ยงวันนี้ 24.60 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดก่อนหน้า

          โบรกเกอร์		คำแนะนำ		 ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          กรุงศรี                  ซื้อ                31.00
          ทิสโก้                   ซื้อ                29.50
          กสิกรไทย           Outperform             29.10
          อินโนเวสท์เอกซ์      Outperform             29.00
          เคจีไอ             Outperform             28.50
          หยวนต้า		   ซื้อ		      28.00
          ฟินันเซียฯ                ซื้อ                28.00
          ทรีนีตี้                   ซื้อ                28.00
          เอเซียพลัส           Overweight            27.50
          พาย                    ซื้อ                27.50

นางสาวธรีทิพย์ วงษ์แสงไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มองว่า CPF ไตรมาส 3/67 จะมีกำไรดีต่อเนื่อง จากราคาหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงปรับลดลง จะทำให้ความสามารถทำกำไรได้ดีขึ้น โดยธุรกิจในต่างประเทศทั้งในจีนและเวียดนามอยู่ในทิศทางคล้ายกัน ซึ่งได้ประโยชน์ตันทุนการเลี้ยงลดลง สวนทางราคาขายเนื้อหมูเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรของไตรมาส 3/67 จะออกมาไม่ต่ำกว่าไตรมาส 2/67

ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากในไตรมาส 3/67 แต่เนื่องจาก CPF มีการผลิตใน 20 กว่าประเทศทั่วโลก และขายในประเทศนั้นๆ จึงไม่ค่อยมีการส่งออกมากนัก แต่อาจจะมีการแปลงค่าเงินในงบที่เชื่อว่าจะไม่มีผลต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

อีกทั้ง คาดว่า CPF จะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูก คือ บมจ.ซีพีออลล์ (CPALL) และ บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) มากขึ้น โดยแนะนำ"ซื้อ" คงราคาเป้าหมาย 29.10 บาท

นางเพลินใจ จิระจรัส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี กล่าวว่า ทิศทางราคาหมูในจีนและเวียดนามดีขึ้นอย่างมาก ประกอบกับ ราคาวัตถุดิบอาหารเลี้ยงสัตว์ที่ราคาถั่วเหลืองปรับตัวลดลง ทำให้ทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังนี้ดีกว่าครึ่งปีแรก แม้ว่าในไตรมาส 3/67 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นกว่าไตรมาส 2/67 แต่ก็มีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ในระดับใกล้เคียงกันจึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบ "ราคาหมูในจีนสูงขึ้นมาก ทำให้ Earning ในไตรมาส 3/67 ค่อนข้างดี"

ทั้งนี้ ไตรมาส 3/67 คาดว่า CPF จะมีกำไรปกติที่ 6,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาส 2/67 ที่มีกำไรปกติ 5,595 ล้านบาท และดีกว่าไตรมาส 3/66 ที่ขาดทุน 3,733 ล้านบาท

ดังนั้น เห็นว่าแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก หลังจากราคาวัตถุดิบอาหารเลี้ยงสัตว์ลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะถั่วเหลือง และราคาเนื้อสัตว์ในประเทศทั้งหมูและไก่ดีขึ้น และในจีนราคาหมูเพิ่มขึ้นสูงด้วย

ดังนั้น จึงปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 31.00 บาท จากการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น กำไรปกติครึ่งปีแรกปี 67 คิดเป็น 48% ของประมาณการ คาดแนวโน้มครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในไตรมาส 3/67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เราคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานของ CPF ในงวดครึ่งหลังปี 67 จะยังคงแข็งแกร่ง ใกล้เคียงกับระดับที่เห็นในไตรมาส 2/67 โดยมีราคาหมูในประเทศไทย และต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ เราคาดว่าราคาหมูในประเทศไทยจะฟื้นตัวขึ้นเป็น 74 บาท/กก.ใน H2/67 จาก 69.3 บาท/กก.ในไตรมาส 2/67

อย่างไรก็ตาม ราคาหมูในเวียดนามอาจจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากช่วงหน้าฝนในไตรมาส 3/67 นอกจากนี้ เรายังคาดว่าราคาไก่จะลดลงเล็กน้อย เพราะอุปสงค์การส่งออกน่าจะลดลงในไตรมาส 4/67

JVs และ บริษัทร่วมในธุรกิจการเกษตรจะช่วยหนุนรายได้ equity income เนื่องจากราคาหมูในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็น 19.4 หยวน/กก. QTD (จาก 16.5 หบวน /กก. ในไตรมาส 2/67) เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ CTI ในจีนจะส่งส่วนแบ่งกำไรมาที่ CPF มากขึ้นใน H2/67 และคาดว่าส่วนแบ่งกำไรทั้งปี 67 จะอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท

ขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานของ JVs และบริษัทร่วมอื่น ๆ (อย่างเช่น Hylife ซึ่งเป็น JV ในแคนาดา) ก็มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น และพลิกเป็นกำไรได้ในไตรมาส 2/67 จาการที่ CPF ดำเนินกลยุทธ์ปรับปรุงประสิทธิภาพและขายธุรกิจที่ไม่ทำกำไรออกไป

นอกจากนี้ เรายังคาดว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของ CPF จะเริ่มลดลงใน H2/67-68 จากการที่บริษัทพยายามจะลดภาระหนี้ลง อย่างไรก็ตาม เราไม่คิดว่าบริษัทจะมีกำไรจากสินทรัพย์ชีวภาพก้อนใหญ่เหมือนกับในไตรมาส 2/67

เนื่องจากราคาหมูในต่างประเทศสูงเกินคาด และ ประสิทธิภาพดีขึ้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ขึ้นอีก 85% เป็น 2.08 หมื่นล้านบาท เพราะปรับเพิ่มสมมติฐานส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือขึ้นอีก 55% เป็น 1.47 หมื่นล้านบาท (ส่วนใหญ่มาจาก CTI) รวมทั้งปรับเพิ่ม GPM ขึ้นอีก 1.6 ppts เป็น 14.3% (ธุรกิจปศุสัตว์ และ สัตว์น้ำ) และปรับลดสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายลง 0.4 ppts เหลือ 8.7% ถึงแม้ว่าผลบวกจากการปรับปรุงประสิทธิภาพจะช่วยหนุนกำไรสุทธิในปีหน้า แต่เราคาดว่าราคาหมูในต่างประเทศ (เวียดนาม และ จีน) จะปรับตัวจากระดับในปีนี้กลับเข้าสู่ระดับปกติ

ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มกำไรสุทธิปีหน้าขึ้นเพียง 23% เป็น 1.49 หมื่นล้านบาท โดยสาเหตุสำคัญคือสัดส่วน SG&A ต่อยอดขาย และ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง

https://youtu.be/4c0bMDqEUDQ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ