นายศุภกร ตุลยธัญ, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.พรินซิเพิล เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ทั่วโลกที่มีแนวโน้มขาลง ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) นำร่องลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน 2567 หลังจากที่ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดได้กล่าวในการประชุมใหญ่ประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เมืองแจ็กสัน โฮลว่าอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันนั้นได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และตลาดแรงงานก็ไม่ได้ร้อนแรงจนเกินไป ทำให้ถึงเวลาแล้วที่เฟดจะปรับนโยบายทางการเงิน
จากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หาก Bond Yield หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลง บลจ. พรินซิเพิล จึงมองเป็นโอกาสลงทุนหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ล่าสุด ในวันที่ 2 ? 11 กันยายน 2567 จึงกำหนดเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ของกองทุนเปิด "พรินซิเพิล โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ อิควิตี้ อันเฮดจ์" (PRINCIPAL GIFUH) โดยมีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท สั่งซื้อขั้นต่ำเพียงครั้งละ 1,000 บาท
โดยกองทุนเปิด PRINCIPAL GIFUH เป็น Feeder Fund ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund ชนิดหน่วยลงทุน (Share Class) A Acc USD Hedged เป็นกองทุนหลัก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักบริหารโดย Lazard Asset Management Limited
กองทุนเปิด PRINCIPAL GIFUH มีจุดเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่ 1) กองทุนหลักลงทุนในหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง เนื่องจากกลุ่มหุ้นโครงสร้างพื้นฐานให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่อยู่ในระดับสูงกว่า Bond Yield หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวลดลง 2) หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานจะเสริมความมั่นคงให้พอร์ตลงทุน ลดความเสี่ยง เมื่อตลาดหุ้นเกิดความผันผวนในครึ่งปีหลังได้ เนื่องจากธรรมชาติของสินทรัพย์กลุ่มนี้มีรายได้มั่นคง ไม่ผันแปรตามวัฏจักรเศรษฐกิจ มีความผันผวนและความสัมพันธ์ต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นโลก
3) หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งพร้อมเติบโตไปกับเมกะเทรนด์ของโลก โดยทั่วโลกมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นทุกปีจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของชนชั้นกลาง โครงสร้างพื้นฐาน Digital จากการเติบโตของ 5G AI และเทคโนโลยีอื่นๆ รวมถึงมีกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและ Valuation ของหุ้นยังไม่แพง ดังนั้นจึงเหมาะเป็นสินทรัพย์ที่ลงทุนระยะยาว โดยในอดีตกองทุนหลักให้ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ปี จาก 10 ปีและให้กระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ
4) กองทุนเปิด PRINCIPAL GIFUH จะลงทุนในกองทุนหลัก "Lazard Global Listed Infrastructure" ซึ่งเน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานประเภท "Preferred Infrastructure" คือโครงสร้างพื้นฐานที่ให้รายได้มั่นคง ประสิทธิภาพทำกำไรสม่ำเสมอ และมีอายุสินทรัพย์ หรือ สัมปทานระยะยาว 5) กองทุนหลักมีผลตอบแทนย้อนหลังที่ดีและสูงกว่าดัชนีชี้วัดในเกือบทุกช่วงเวลา โดยให้ผลตอบแทน YTD (Year to Date) 6.14% และผลตอบแทนเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง 9.14% ต่อปี
และสุดท้ายกองทุนเปิด PRINCIPAL GIFUH จะไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX Unhedged) เหมาะกับนักลงทุนระยะยาวที่ไม่อยากเสียต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (hedging cost) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับ 2-3% ต่อปี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานประเภท Preferred Infrastructure มีความแตกต่างที่เหนือกว่ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานทั่วไป เนื่องจากเน้นสินทรัพย์ที่มีรายได้มั่นคง อาทิ มีความต้องการใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ, เป็นกิจการที่มีคู่แข่งน้อย, ค่าบริการหรือค่าเช่าผันแปรตามเงินเฟ้อได้ ฯลฯ มีประสิทธิภาพทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ อาทิ มีกำไรจากการดำเนินงาน, มีความเสี่ยงจากภาระผูกพันต่ำ, มีโครงสร้างเงินทุนในระดับที่เหมาะสม และมีอายุสินทรัพย์ยาวนาน อาทิ เน้นการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว มีความเสี่ยงด้านกฎกระเบียบและปัญหาการเมืองต่ำ มี ESG มีระยะสัมปทานที่ยาวนาน ฯลฯ ซึ่งกลุ่ม Preferred Infrastructure จะให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าและมีความสามารถทำกำไรมากกว่า รวมถึง Valuation ที่ถูกกว่า สินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานทั่วไป ตัวอย่างโครงสร้างพื้นฐานประเภท Preferred Infrastructure เช่น ไฟฟ้า รางรถไฟ ทางด่วน น้ำประปา สนามบิน โครงสร้างพื้นฐานทาง Digital กองทุน Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกองทุนเปิด PRINCIPAL GIFUH ให้ผลตอบแทนที่ดี ติด 2 อันดับแรกทุกช่วงเวลา เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด บริหารจัดการโดยทีมการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกโดยเฉพาะ และมีประสบการณ์การลงทุนมากกว่า 20 ปี กระบวนการลงทุนคัดเลือกหลักทรัพย์ด้วยกลยุทธ์แบบ Bottom-up approach เน้นวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน Valuation และจัดพอร์ตแบบ High Conviction ลงทุนในหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน 25 ? 50 ตัว อาทิ บริษัท Ferrovial ผู้ให้บริการทางด่วน ที่มีมากถึง 23 ทางด่วน ในสหรัฐฯ สเปน อังกฤษ เช่น ทางด่วน 407 EDG Highway เป็นโครงสร้างสัมปทานทางด่วนที่ใหญ่ที่สุดในรัฐออนแทริโอ ในแคนาดา มีระยะเวลาสัมปทานมากถึง 30 ปี, บริษัท Norfolk Southern ผู้ให้บริการขนส่งทางรถไฟรายใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ประกอบไปด้วยเส้นทางมากกว่า 19,100 ไมล์ในกว่า 22 รัฐ เป็นผู้ขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ เช่น เกษตรกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค สารเคมี โลหะ และวัสดุก่อสร้าง บริษัท American Electric power ผู้ผลิต ส่ง และจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ ในสหรัฐอเมริกา ให้บริการลูกค้ามากกว่า 5 ล้านคน ใน 11 รัฐ เช่น Michigan,Texas, Virginia