นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้คาดยอดขายยังคงเติบโตต่อเนื่อง หรือทำได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ตามการขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศ สนับสนุนให้ยอดขายปี 67 เติบโต 10% ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ตลาดในประเทศ ภาพเศรษฐกิจยังชะลอตัว แต่บริษัทฯ ยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการออกสินค้าใหม่ เช่น สาหร่ายอบ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก รวมถึงเตรียมวางจำหน่ายสินค้าใหม่ สาหร่ายโรยข้าว ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ในวันที่ 5-6 ก.ย.นี้ ส่งผลให้การเติบโตของยอดขายในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น
"ตลาดในประเทศไทยในช่วงไตรมาส 4/67 เชื่อว่าจะเป็นช่วงที่มีความคึกคักพอสมควร จากการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศฟื้นตัว ซึ่งสินค้าของ TKN ถือว่าได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และเราเองก็ได้ออกสินค้าที่เหมาะกับนักท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วย" นายจิระพงษ์ กล่าว
ส่วนตลาดในต่างประเทศ พยายามหาโอกาสใหม่ ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะในเรื่องของพันธมิตรและ Distributor ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในช่องทางการจำหน่ายโดยเฉพาะ เช่น ช่องทางออนไลน์ และยังมีบริการในการทำโลจิสติกส์ภายในประเทศจีน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้เร็ว ๆ นี้ เพื่อเพิ่มการกระจายสินค้าในตลาดให้มากขึ้น
"ยอดขายจากจีนที่ลดลง มองเป็นผลกระทบชั่วคราว เนื่องจากแบรนด์ของเรายังเป็นแบรนด์เลิฟอยู่ และยังเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในจีน อีกทั้งจะมีการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายมากขึ้น และมองหาคู่ค้าเข้ามาเสริม" นายจิระพงษ์ กล่าว
ตลาดสหรัฐฯ ยังเดินหน้าขยายตลาดในประเทศแคนาดา ผ่านการวางจำหน่ายสินค้าในห้างคอสโค (Costco) รวมถึงนำสินค้าแบรนด์โนระ ขยายสู่ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในแคนาดาเพิ่ม ซึ่งมีสาขารวมทั้งสิ้น 400 สาขา นอกจากนี้บริษัทฯ ยัง maintain ในช่องทางการจำหน่ายที่มีศักยภาพสูง รวมถึงมองช่องทางการจำหน่ายในแพลตฟอร์มอื่น ๆ โดย TKN เตรียมนำสินค้าเถ้าแก่น้อยขยายเข้าสู่ร้านค้าปลีก Walmart และ Kroger ในเดือนต.ค.นี้ และล่าสุดจะสามารถนำสินค้าเข้าสู่ห้างในสหรัฐฯ ที่ไม่ใช่ Costco เพิ่มเติมด้วย
ด้านตลาดอินโดนีเซีย จะกระจายช่องทางการจำหน่ายให้กว้างมากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด, ขยายในช่องทาง General Trade และออนไลน์มากขึ้น รวมถึงในช่วงปลายปีนี้จะมีสินค้าใหม่ออกมาเพิ่มเติม ส่งผลให้ยอดขายปีหน้าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับเรื่องของวัตถุดิบหลักที่มีราคาสูงในปีนี้ เกิดจากดีมานด์และซัพพลาย แต่ในปีถัดไปที่จะเริ่มในช่วงปลายเดือนพ.ย.-ต้นเดือนธ.ค.นี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ารัฐบาลเกาหลีจะมีการส่งเสริมพื้นที่การเพาะปลูกเพิ่มขึ้น 3-5% ที่อาจมีผลต่อผลผลิตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถทราบถึงเทรนด์หรือแนวโน้มของสาหร่ายในปีหน้าจากซัพพลายเอออร์จะเป็นอย่างไรในช่วงต้นเดือนพ.ย.-ธ.ค.67
แต่หากมองในแง่ของดีมานด์ ยังมีความต้องการใช้สาหร่ายที่ค่อนข้างมากอยู่ ส่งผลให้ดีมานด์และซัพพลายน่าจะสมดุลกัน ไม่เหมือนกันปีนี้ที่ซัพพลายลดลงสวนทางกับดีมานด์ที่มีมาก
"เราคาดหวังว่าราคาวัตถุดิบ จะไม่สูงขึ้นมากไปกว่าปีนี้ แต่จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ราคาวัตถุดิบก็อาจจะมีแนวโน้มลดลง" นายจิระพงษ์ กล่าว