"มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย." ยื่นไฟลิ่งขาย IPO ราว 981.48 ล้านหุ้นเข้า SET ใช้ขยายลงทุน-คืนหนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 6, 2024 14:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) ยื่นแบบแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 981,482,654 หุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมี บล.บัวหลวง และธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม

สำหรับหุ้น IPO ที่จะเสนอขายครั้งนี้ ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 420,000,000 หุ้น และ ผู้ถือหุ้นเดิม คือ MDIH (Singapore) Pte. Ltd. เสนอขายหุ้นสามัญเดิมจำนวนไม่เกิน 561,482,654 หุ้น

กลุ่ม มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) (MR. D.I.Y.) เป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไปให้บริการลูกค้ากว่า 77 ล้านคนทั่วประเทศไทยต่อปีในปี 66 โดยเปิดสาขาแรกเมื่อปี พ.ศ. 2559 และเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีสาขารวมทั้งสิ้น 802 สาขา ครอบคลุม 74 จังหวัดทั่วประเทศไทย และมีการจ้างพนักงานกว่า 9,700 คน (ณ วันที่ 30 มิ.ย.67)

MR. D.I.Y. นำเสนอสินค้าประมาณ 15,000 รายการ ใน 5 แผนกหลัก ได้แก่ (1) เครื่องใช้ในครัวเรือน (2) อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ (3) เครื่องใช้ไฟฟ้า (4) เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา (5) ของเล่น และหมวดหมู่อื่นๆ โดยมีระบบการจัดการสินค้าที่มีประสิทธิภาพจากการจัดหาสินค้าร่วมกับเครือข่าย ส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ทำให้มีต้นทุนค่าสินค้าต่อหน่วยลดลงสำหรับผู้บริโภค อีกทั้งยังมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีแก่คนไทยทั่วประเทศ ด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในราคาถูกคุ้มเสมอ (Always Low Prices) พร้อมความสะดวกสบายผ่านร้านค้าที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ

นายชิน กวานกุ้ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MR. D.I.Y. เปิดเผยว่า ในปี 67 MR. D.I.Y. ฉลองครบรอบ 8 ปี แห่งความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ในช่วงเวลาดังกล่าวบริษัทฯ ได้เห็นศักยภาพการเติบโตที่สูงในธุรกิจสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว โดยบริษัทมีการขยายสาขาใหม่ในปี 64 จำนวน 121 สาขา ในปี 65 จำนวน 158 สาขา และในปี 66 จำนวน 184 สาขา คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 36.3% ต่อปีในปี 64-66

ตามรายงานวิจัยตลาดของ Frost & Sullivan พบว่า MR. D.I.Y. เป็นผู้นำตลาดที่โดดเด่นในธุรกิจสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 7.4% สะท้อนให้เห็นถึงรากฐานที่มั่นคง ขณะเดียวกันตัวเลขส่วนแบ่งการตลาดที่มีตัวเลขตัวเดียวยังบ่งบอกถึงโอกาสในการเติบโตในอนาคตอีกด้วย บริษัทจึงมุ่งมั่นทุ่มเทในการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย ด้วยกลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์ครอบคลุม ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและพัฒนาสังคมผ่านการสร้างงานและความร่วมมือกับผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายท้องถิ่น

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ปัจจุบัน MR. D.I.Y. มีทุนจดทะเบียน 3,038.5 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 6,077,097,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 2,798.5 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 5,597,097,000 หุ้น

โครงสร้างผูถือหุ้น กลุ่ม TYY และ TYW ซึ่งประกอบด้วย Mr. Tan Yu Yeh , Mr. Tan Yu Wei และ MDIH (Singapore) ถือหุ้น 2,122,546,944 หุ้น คิดเป็น 37.92% หลัง IPO จะลดลงเหหลือ 1,561,064,290 หุ้น คิดเป็น 25.9% บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. (ไทย แลนด์) จำกัด ถือหุ้น 26.97% จะลดเหลือ 25.09% กลุ่มนายจอมพงษ์ โตมงคล และนางสาวฐิตานันท์ ซุน ถือหุ้น 24.64% จะลดเหลือ 22.92% กลุ่มผู้ถือหุ้นสัญชาติมาเลเซีย 10.07% จะลดเหลือ 9.37%

นายกนต์ธีร์ ประเสริฐวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า MR. D.I.Y.เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไป ที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ซึ่งยังมีระดับการแข่งขันที่ต่ำ (Underpenetrated) และเติบโตอย่างรวดเร็ว จากทิศทางของอุตสาหกรรมค้าปลีกสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งบ้านโดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 5.1% ตั้งแต่ปี 66-71

สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของ MR. D.I.Y. มีวัตถุประสงค์นำเงินไปใช้ในการลงทุนเพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจของบริษัทฯ ชำระเงินกู้ของบริษัทฯ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไปสำหรับการดำเนินงานของบริษัทฯ

ผลประกอบการปี 64-66 บริษัทมีรายได้จากการขาย 7,177.01 ล้านบาท 9,925.59 ล้านบาท และ 12,804.93 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 67 มีรายได้จากการขาย 7,555.34 ล้านบาท ส่วนกำไรสำรับงวดปีอยู่ที่ 836.25 ล้านบาท 1,051.22 ล้านบาท และ 1,381.07 ล้านบาท ตามลำดับ งวด 6 เดือนแรกปี 67 มีกำไร 793.75 ล้านบาท

ณ วันที่ 30 มิ.ย.67 มีสินทรัพย์รวม 13,125.55 ล้านบาท หนี้สินรวม 9,391.30 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้นรวม 3,734.25 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ กำหนดไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ