Webull Corporation แพลตฟอร์มการลงทุนดิจิทัลชั้นนำของโลก ประกาศความสำเร็จการมาเยือนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกครั้งล่าสุดของ นาย Anthony Denier ประธานกลุ่ม Webull Corporation สะท้อนการเติบโตของ Webull ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และความมุ่งมั่นของ Webull ในการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง
หลังจากความสำเร็จของ Webull ในตลาดสหรัฐฯ Webull ได้เริ่มเข้าสู่ตลาดฮ่องกงในปี 2020 ตามมาด้วยสิงคโปร์ และออสเตรเลียในปี 2022 นอกจากนี้ในปี 2023 Webull ได้มีการขยายกิจการเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย รวมถึงล่าสุดในปี 2024 Webull ได้เปิดตัวในมาเลเซีย และประเทศไทย โดยหากนับตั้งแต่เริ่มดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผ่านทางฮ่องกง มูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การจัดการของบริษัทหลักทรัพย์ Webull ในภูมิภาคนี้ ได้เติบโตมากขึ้นกว่า 100%
"ตั้งแต่เราเข้าสู่ภูมิภาคนี้ในปี 2020 เราได้เห็นการเติบโตของฐานนักลงทุน โดยที่นักลงทุนต่างก็ได้ใช้เครื่องมือของ Webull เพื่อการลงทุนที่หลากหลายทั้งในตลาดสหรัฐฯ และเอเชียแปซิฟิก โดยในอีกสองปีข้างหน้า Webull มีเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของบริษัทหลักทรัพย์ในทุกภูมิภาค และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย และเข้าถึงได้สำหรับนักลงทุนรายย่อยทุกคน" นาย Anthony Denier ประธานกลุ่ม Webull Corporation กล่าว
Webull เริ่มต้นในสหรัฐอเมริกาในปี 2018 และได้ขยายธุรกิจไปยังเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และลาตินอเมริกา โดยมีการดาวน์โหลดแอปฯ Webull มากกว่า 40 ล้านครั้งทั่วโลก และมีนักลงทุนที่ลงทะเบียนมากกว่า 20 ล้านคน โดยในปี 2023 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ Webull เพิ่มขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อีกทั้งปริมาณการซื้อขายหุ้นในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนถึงกิจกรรมการซื้อขายของผู้ใช้แพลตฟอร์ม มีมูลค่ารวมกันกว่า 371 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สรวมกันถึง 430 ล้านสัญญา ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ซึ่ง Webull มีเปอร์เซ็นต์การรักษาฐานผู้ใช้งานที่ 98%
Webull ยังคงขยายธุรกิจไปในตลาดทั่วโลกอีก 13 ประเทศ ซึ่งการมีรากฐานที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ ทำให้ Webull เป็นช่องทางสำคัญสำหรับนักลงทุนท้องถิ่นในภูมิภาค APAC สำหรับการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ นอกจากนี้ Webull ยังมุ่งมั่นที่จะมอบเครื่องมือและความรู้ที่จำเป็นให้กับนักลงทุน สำหรับการสำรวจตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ทำให้ Webull เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เชื่อถือได้ในหมู่นักลงทุนในประเทศ
การเปิดตัว Webull Thailand ถือเป็นอีกจุดเด่นสำคัญในภูมิภาค โดย นาย Anthony Denier ได้หารือกับ นายชลเดช เขมะรัตนา CEO ของ Webull Thailand ผู้เชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรมฟินเทค เกี่ยวกับการเติบโตที่โดดเด่นในพื้นที่นี้ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
การเข้าสู่ตลาดไทยอย่างแข็งแกร่งด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ Webull เป็นโบรกเกอร์สหรัฐฯ รายแรกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศไทย และเป็นรายแรกที่ได้เปิดตัวฟีเจอร์การซื้อขายหุ้นสหรัฐฯ และ ETF ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงยังเป็นโบรกเกอร์ออนไลน์รายแรกที่มีการให้บริการ Nasdaq TotalView Level 2 (LV2) ซึ่งเป็นข้อมูลตลาดขั้นสูงที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเห็นคำสั่งซื้อขาย (Bid Offer) ของหุ้นได้มากถึง 50 ช่วงราคา โดยบริการนี้ จะช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถติดตามราคาหุ้นได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Webull Thailand ยังเป็นโบรกเกอร์ออนไลน์รายแรกในประเทศไทยที่เปิดตัวการซื้อขายดัชนีออปชัน ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถกระจายความเสี่ยงและป้องกันความเสี่ยง จากการปรับตัวลดลงของตลาดได้ โดยในด้านความสามารถของแพลตฟอร์มนั้น ทางแอปฯ Webull มีความพร้อมในด้านเครื่องมือการซื้อขายที่ทันสมัยที่สุด พร้อมคำสั่งซื้อขายที่หลากหลายที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการลงทุน นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์และฟีเชอร์ที่ล้ำสมัยแล้ว Webull ยังมุ่งมั่นที่จะให้บริการการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ ด้วยค่าคอมมิชชันที่ต่ำ และโอกาสในการเข้าถึงตลาดการลงทุนทั่วโลกแก่นักลงทุนรายย่อย
"ด้วยโมเดลการดำเนินงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในสหรัฐฯ จึงช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนไทยได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการมอบเครื่องมือการซื้อขายระดับมืออาชีพ โดยเรามุ่งมั่นที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึงเพิ่มฟีเชอร์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักลงทุนสามารถสัมผัสเวทีการเงินระดับโลกได้ด้วยความมั่นใจ" นายชลเดช เขมะรัตนา CEO ของ Webull Thailand กล่าวเพิ่มเติม