นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช (PQS) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท PQS ได้ร่วมออกบูธในงานนิทรรศการ Fi Asia Indonesia 2024 ซึ่งจัดที่กรุง Jakarta ระหว่างวันที่ 4-6 กันยายนนี้ โดยถือเป็นงานแสดงนิทรรศการทางด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ในเอเชีย
ทั้งนี้บริษัทได้แนะนำผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง และแป้งมันดัดแปร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ของบริษัทพรีเมียร์ โมดิไฟด์ สตาร์ช จำกัด หรือ PMS ไปแนะนำลูกค้าด้วยซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก
"ตลาดอินโดนีเซีย เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่บริษัทให้ความสนใจที่จะขยายตลาดส่งออกสินค้าแป้งมันสำปะหลัง จากปัจจุบันเราส่งสินค้าไปอินโดนีเซียน้อย ส่วนใหญ่ส่งไปให้ลูกค้าที่ทำธุรกิจโรงงานกระดาษเป็นหลัก เพราะกำลังการผลิตเรายังน้อยไม่เพียงพอต่อการส่งออก แต่เนื่องจากเราเห็นโอกาสของตลาดอินโดนีเซีย และกำลังซื้อที่มีมหาศาล ด้วยขนาดของประชากรที่มีจำนวนกว่า 250 ล้านคน จึงเป็นเป้าหมายที่เราปักหมุดจะขยายการส่งออกเพิ่มขึ้น หลังจากในช่วงปีที่ผ่านมาเราได้เพิ่มกำลังการผลิตโดยสร้างโรงงานใหม่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์"นายรัฐวิรุฬห์กล่าว
สำหรับโรงงานที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จะเริ่มทดสอบ (Test Run) เดินเครื่องผลิตภายในเดือนนี้ ซึ่งหากเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่จะมีกำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลังรวม 120,000 ตัน/ปี ส่วนโรงงานที่จังหวัดสกลนครมีกำลังการผลิตทั้งหมด 252,000 ตัน/ปี รวมทั้ง 2 โรงงาน จะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลังรวมประมาณ 372,000 ตันต่อปี
ส่วนโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Starch) ที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปในธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งได้เริ่มเดินเครื่องกำลังผลิตแล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
นายรัฐวิรุฬห์กล่าวอีกว่า ตลาดอินโดนีเซียเป็นตลาดที่ใหญ่ โดยเฉพาะตลาดทางด้านอาหารประเภทเนื้อสัตว์แปรรูป หรือ Meat Process มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารหลากหลายชนิด รวมถึงไส้กรอก และผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร เส้นต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมประเภทเส้น ทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว ราเม็ง พาสต้า รวมถึงผลิตภัณฑ์กระดาษที่ต้องการคุณภาพสูงๆ ด้วย
นายรัฐวิรุฬห์ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของภาพรวมการส่งออกอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังของประเทศไทยในครึ่งปีแรกของปี 2567 มีมูลค่าอยู่ที่ 31,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการส่งออกแป้งมันสำปะหลังไปประเทศจีนและประเทศอินโดนีเซียที่เพิ่มขึ้นรวมมูลค่ากว่า 8,779 ล้านบาท หรือ 72.4%
นอกจากนั้น ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และมาเลเซียมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับปี 2566 ส่งผลให้มูลค่าส่งออกแป้งมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นเมื่อคิดเป็นเงินบาท ขณะที่ราคาตลาดของแป้งมันสำปะหลังส่งออกในไตรมาส 2/2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 552 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน