บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ โดยจะเสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.35% ต่อปี กำหนดชำระอัตราดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ และมีมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดขายระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคม 2567 โดยบริษัทแต่งตั้งให้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกสิกรไทย , ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย , บล.เกียรตินาคินภัทร และ บล.เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ซึ่งวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินทำให้ภาระหนี้สินของบริษัทไม่เพิ่มสูงขึ้น
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 บริษัททำกำไรสุทธิ จำนวน 1,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 5,464 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 4,099 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของธุรกิจ และต้นทุนทางการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 67 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 2,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 5,464 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืมและจากลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ และรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ระดับ 1.86% เพิ่มขึ้นจาก 1.60% ในไตรมาส 1/67 แต่ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถคุม NPL ให้ไม่เกิน 2% ได้ ซึ่ง NPL ratio เฉลี่ยในปี 66 ที่สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยประกาศไว้จะอยู่ที่ 6.59% นอกจากนี้ ยังคง NPL coverage ratio ในระดับสูงที่ 227% เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
TIDLOR และหุ้นกู้ ได้รับจากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ "A" แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567 ซึ่งถือเป็นอันดับความน่าเชื่อถือที่สูงที่สุดในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ประเภทสินเชื่อทะเบียนรถ โดยในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่า บริษัทฯ มีสถานะการเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ สามารถรักษาฐานทุนที่แข็งแกร่ง มีผลประกอบการที่น่าพอใจ ขณะที่การควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ยอมรับได้จากแนวทางการบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง