การกลับมาของ "กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง" ที่ปักหมุดดีเดย์การขายหน่วยลงทุน โดยระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบันจำนวน 1-1.5 แสนล้านบาทเพื่อเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น ถือเป็นสัญญาณตัวหนึ่งที่บ่งชี้การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ประสบปัญหาความซบเซา และไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ
การกำหนดวันเข้าลงทุนในตลาดหุ้นของ "กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง" ด้วยเม็ดเงิน 1-1.5 แสนล้านบาท ถือเป็นการเรียกความเชื่อมั่นในเรื่องของ "สภาพคล่อง(Liquidity)" ในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบัน (ก่อน 5 ก.ย.2567) นักลงทุนต่างชาติ เทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง 1.26 แสนล้านบาท และ หากนับรวมกับปี 2566 จะมียอดขายสุทธิรวมแล้ว 3.2 แสนล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิต่อเนื่องมานาน 21 เดือน
แม้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 2/67 จะเติบโตกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่นักลงทุนต่างชาติก็ยังไม่กลับมา และดูเหมือนจะย้ายเงินลงทุนไปยังตลาดหุ้นอื่น โดยเฉพาะการลดน้ำหนักหุ้นไทยของดัชนี MSCI
ช่วง 8 เดือนแรก วอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ย 4.4 หมื่นล้านบาทต่อวัน ลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งน่าจะเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่าปัญหาของการไหลออกของเม็ดเงินต่างชาติในปีนี้ คือ การมีสภาพคล่องที่ไม่เพียงพอ ซึ่งอาจจะเป็นความเสี่ยงต่อการบริหารพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
ยกตัวอย่างการลงทุนของบุคคลทั่วไป ไม่มีใครอยากจะเข้าลงทุนในหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่อง หรือมีน้อย หุ้นที่ซื้อได้แต่ขายไม่ได้ ไม่มีใครเขาอยากเล่น
ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทย เปรียบเหมือนหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่อง เวลาต่างชาติ หรือ กองทุนในประเทศ ตั้งใจขาย ราคาหุ้นก็จะร่วงหนัก (ไม่มี bid) พอขายหลายๆ ตัว ก็นำพาเอาดัชนีหล่นลงไป คล้ายประเทศจะมีวิกฤติเศรษฐกิจ
ในเมื่อตลาดหุ้นไม่มีสภาพคล่องให้เล่น นักลงทุนต่างชาติเลยหนีไปตลาด TFEX แทน เพราะมีสภาพคล่องมากกว่า
หลังวันที่ 5-6,9 ก.ย.2567 ที่เริ่มมีข่าวการเปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ ทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 3 วันต่อเนื่องรวม 21,887.71 ล้านบาท พร้อมกับวอลุ่มการซื้อขายรวมกลับมาเฉลี่ยใกล้เคียงเกือบ 1 แสนล้านบาทต่อวัน
การกลับมาของนักลงทุนต่างชาติรอบนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นสะสมไว้ดักขาย หรือ อาจจะสะสมถือเพื่อลงทุนระยะยาว ก่อนที่เม็ดเงินก้อนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทจะเข้ามาซื้อหุ้นไทย
เนื่องจากที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยไปตั้งแต่ปี 2566 จนถึง ปัจจุบัน (ก่อนวันที่ 5 ก.ย.) ไปเยอะพอสมควร รวม 3.2 แสนล้านบาท หุ้นไทยที่ฝรั่งต้องการขายได้ถูกระบายออกไปก่อนหน้านี้แล้ว และช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกได้เวลาปรับฐานกันอยู่ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาแรงตลอดทั้งปี การจะขายหุ้นไทยที่กำลังจะปรับตัวขึ้น จากฐานต่ำ คงไม่ใช่เรื่องที่ควรทำสักเท่าไหร่
ในเมื่อฝรั่งเข้ามาถูกจังหวะ และได้ของไปแค่จำนวนหนึ่ง และจะมีเงินจาก กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง เข้ามาหนุนให้ดัชนีฟื้นขึ้นได้ มีหรือที่จะไม่ปล่อยรัน
จากคนที่เคยขายสุทธิมาตลอด กลายมาเป็น "คนซื้อสุทธิ" อย่างรวดเร็วถือเป็นเรื่องราวดี ๆ ของตลาดหุ้นไทย
ส่วนความเป็นไปได้มาก หรือน้อย แค่ไหน ที่เราจะได้เห็นการกลับมาของเม็ดเงิน 3 แสนล้านบาท ที่ออกไปในช่วง 20 เดือนที่ผ่านมาในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง คงต้องลุ้นในช่วงสิ้นปีนี้ ดัชนี SET ที่จะทะลุ 1,500 จุดภายใน 2 เดือนนี้ หรือก่อนสิ้นปีนี้ คงไม่ยากเย็นนัก
ธิติ ภัทรยลรดี