นายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) กล่าวว่า แผนงานขยายไลน์เข้าธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) บริษัทเปิดการเจรจากับผู้ผลิตในประเทศ คาดว่าจะได้ความชัดเจนในปลายปีนี้ และดีลน่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 1/68 โดยเบื้องต้นจะเข้าถือหุ้นราว 25-30% ซึ่งบริษัทได้กันเงินลงทุนส่วนหนึ่งจากการเสนอขายหุ้น IPO ที่ระดมทุนได้ 250 ล้านบาทไว้แล้ว
ทั้งนี้ FM มองว่าขนาดธุรกิจที่เหมาะสมกับการลงทุนในเบื้องต้นนี้มองกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง 2 พันตัน/เดือน คาดจะสร้างยอดขายไม่เกินปีละ 1,000 ล้านบาท น่าจะเริ่มรับรู้กำไรได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/68
"ตอนแรกคุยไว้ 3 ราย และเมื่อเราโฟกัสก็มาคุยกับรายนี้ให้ถึงที่สุด น่าจะได้ความชัดเจนปลายปีนี้"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FM กล่าว
*วางเป้าปี 68 รายได้โต 10-15% รับกำลังผลิตเพิ่ม หลังปีนี้มั่นใจโตเข้าเป้า มาร์จิ้น 2 digit
นายสุเมธ มาสิลีรังสี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน FM กล่าวว่า รายได้รวมในปี 67 จะเติบโต 20-25% จากปีก่อนมาเป็น 6,900-7,000 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิคาดว่าเป็นตัวเลขสองหลัก และในปี 68 คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 10-15% ตามการเพิ่มกำลังการผลิต โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ส่งออก 50% และในประเทศ 50%
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าใน 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกเป็น 65% และในประเทศ 35% พร้อมปรับพอร์ตสินค้าจาก ไก่แปรรูปปรุงสุก 40% และไก่ชำแหละ 60% ในปัจจุบัน ไปเป็นไก่แปรรูปปรุงสุก 60% และไก่ชำแหละ 40%
ปัจจุบัน FM เป็นผู้ส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุกอยู่ลำดับ 19 มีส่วนแบ่งตลาด 3% ซึ่งในแผน 5 ปีมีเป้าหมายจะขึ้นมาอยู่ใน TOP5
ขณะที่นายณัฐพล กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3/67 จะรับรู้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/67 โดยเฉพาะการผลิตไก่ชำแหละที่เพิ่มขึ้นหนุนธุรกิจไก่แปรรูปปรุงสุก จึงมั่นใจผลประกอบการในไตรมาสนี้จะทำได้ตามเป้า หรือดีกว่าเป้าหมาย และในไตรมาส 4/67 ก็จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการในปี 67 นี้เป็นปีที่สดใส
ลูกค้าหลักที่เป็นพระเอกในปีนี้คือตลาดยุโรป ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับข่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังจะเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทจะมีลูกค้ากลุ่มใหม่จากเกาหลีที่จะเริ่มส่งออกล็อตแรกในช่วงครึ่งปีหลังปี และกำลังเจรจาลูกค้ารายใหม่จากญี่ปุ่น คาดว่าน่าจะเริ่มส่งออกได้ในปีหน้า
ณ สิ้นเดือน มิ.ย.67 บริษัทมีสัดส่วนลูกค้าส่งออก ได้แก่ ยุโรป 40% ญี่ปุ่น 28% จีน 19% มาเลเซีย 13% โดยปีหน้าคาดว่าสัดส่วนลูกค้าจากเกาหลีจะอยู่ที่ 10% อย่างไรก็ดี บริษัทได้วางเป้าหมายตลาดส่งออกที่ตลาดยุโรป 35% ญี่ปุ่น 35% ที่เหลือเป็นตลาดอื่น ๆ เช่น จีน เกาหลี มาเลเซีย เป็นต้น เพื่อสร้างความสมดุลของพอร์ต
ส่วนลูกค้าแถบตะวันออกกลาง บริษัทจะเริ่มส่งออกไก่ชำแหละหรือไก่สดในไตรมาส 4/67 ช่วงแรกราว 500 ตัน ขณะเดียวกันตลาดไก่สดในจีนก็มีโอกาสขยายตัวหลังจากบราซิลซึ่งเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ประสบปัญาโรคระบาดในไก่
*ลุยเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนหนุนโตต่อเนื่อง
สำหรับแผนงานขยายกำลังการผลิต นายณัฐพล กล่าวว่า ในไตรมาส 3/67 จะขยายการผลิตไก่แปรูปปรุงสุกเฟสแรก จาก 2.7 หมื่นตัน/ปี เป็น 3 หมื่นตัน/ปี หรือเพิ่มขึ้น 10-15% ใช้เงินลงทุน 250 ล้านบาทเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 2/68 จากนั้นในช่วงกลางปี 68 จะขยายกำลังการผลิตเฟส 2 เพิ่มอีก 6 พันตัน/ปี เป็น 3.6 หมื่นตัน/ปี เท่ากับเพิ่มกำลังการผลิต 20% จากปัจจุบัน ใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท คาดจะเริ่มผลิตได้เต็มกำลังในไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2 ของปี 69
ส่วนไก่ชำแหละจะเริ่มขยายกำลังผลิตในช่วงกลางปี 68 เช่นกันเพื่อรองรับกับการผลิตไก่แปรูปปรุงสุกที่เพิ่มขึ้น โดยจะเพิ่มกำลังผลิตไก่ชำแหละจาก 1.44 แสนตัว/วัน เป็น 1.8 แสนตัว/วัน เพิ่มขึ้น 25% ใช้เงินลงทุน 350 ล้านบาท คาดจะเริ่มผลิตได้ ในไตรมาส 1 หรือ ไตรมาส 2 ปี 69
*ผู้ถือหุ้นใหญ่-กองทุนนอร์ทเฮเว่นฯยังถือเต็ม,แย้มสถาบันสนใจ
นายณัฐพล กล่าวว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งครอบครัวดุษฎีโหนด และกองทุน นอร์ทเฮเว่น ไทย ไพรเวท อิควิตี้ โดมินิค คอมปานี (ฮ่องกง) (นอร์ทเฮเว่น ไทยฯ) ยังคงถือหุ้น FM และพร้อมที่จะถือลงทุนระยะยาว เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตที่ดี โดยจากภาพรวมธุรกิจไก่แปรรูปปรุงสุกส่งออกของประเทศไทยมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับหนึ่งของโลก และตลาดมีการขยายตัวทุกปี รวมทั้งมีแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจนในการสร้างการเติบโตต่อเนื่อง
"จากการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นเดือนสิงหาคม 2567 พบว่า "นอร์ทเฮเว่น ไทย ฯ ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนเท่าเดิมเพราะเชื่อมั่นในธุรกิจ ที่มีการเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด " นายณัฐพล กล่าว
ด้านนายเชษฐพล ดุษฎีโหนด รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FM กล่าวว่า ราคาหุ้น FM ที่ยังต่ำกว่าราคา IPO ที่ 5.40 บาท เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ราคาจะปรับตัวขึ้นได้ตามผลประกอบการที่เติบโตขึ้น
ขณะที่นายสุเมธ กล่าวว่า บริษัทได้รับการติดต่อจากนักลงทุนสถาบันในประเทศแสดงความสนใจในการเข้าลงทุน สอบถามรายละเอียดข้อมูลธุรกิจ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง ความชัดเจนแผนการดำเนินงานและเป้าหมายธุรกิจที่วางไว้ โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าผลประกอบการจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งรายได้และผลกำไร ตามภาพรวมอุตสาหกรรมที่เติบโตเข้าสู่ช่วงขาขึ้น ราคาขายไก่ดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งแนวโน้มออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่สนับสนุน