นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัพ สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียฟื้นตัวขึ้น หลังตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาบวกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหนุน คาดส่งผลดีต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์บ้านเราบวกตาม อีกทั้งราคาน้ำมันดิบก็ฟื้นตัวขึ้น คาดหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นพลิกกลับมาบวกหลังวานนี้ปรับตัวลงแรง
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยชะลอตัวลงมา 2 วันติดต่อกันเข้าหากรอบแนวรับ 1,404-1,410 จุด ก็น่าจะทำให้มีแรงซื้อกลับขึ้นมาได้บ้าง โดยแนะติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันนี้ และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตลาดคาดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25%
ให้แนวรับไว้ที่ 1,405 จุด และแนวต้าน 1,425 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 ก.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,861.71 จุด เพิ่มขึ้น 124.75 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,554.13 จุด เพิ่มขึ้น 58.61 จุด หรือ +1.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,395.53 จุด เพิ่มขึ้น 369.65 จุด หรือ +2.17%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 36,185.62 จุด เพิ่มขึ้น 565.85 จุด หรือ +1.59%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 2,722.14 จุด เพิ่มขึ้น 0.34 จุด หรือ +0.01% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 17,177.30 จุด เพิ่มขึ้น 68.59 จุด หรือ +0.40%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.ย.67) ที่ 1,415.41 จุด ลดลง 12.62 จุด (-0.88%) มูลค่าซื้อขายราว 74,02.35 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (11 ก.ย.67) 2,631.66 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. บวก 1.94 ดอลลาร์ หรือ 2.95% สู่ระดับ 67.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.ย.67) อยู่ที่ 2.26 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.81 แนวโน้มผันผวน ติดตามการแถลงนโยบายรัฐบาล-ตัวเลชศก.สหรัฐ-ประชุม ECB
- "เฟทโก้" ควงแขน "สมาคมบลจ." เตรียมชงกระทรวงคลัง "ต่ออายุ" กองทุน "เอสเอสเอฟ" (SSF) คาดชัดเจนภายใน ต.ค. นี้ หวังเร่งขยายฐาน "คนรุ่นใหม่" สร้างเงินออมระยะยาวรับ วัยเกษียณ "กอบศักดิ์" ย้ำหากปล่อย หมดอายุเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ชี้นักลงทุนต้องมีช่องทางออมเงินเพิ่มเติม "สมาคมบลจ." ชี้คนรุ่นกำลังสร้างตัวสนใจลงทุน แต่ระยะเวลา ถือครอง 10 ปีนานไป หวังปรับลดไม่น้อยกว่า 7 ปี แต่ไม่ถึง 10 ปี
- 'พีระพันธุ์' แย้มจ่อตรึงราคา LPG ต่อ 3 เดือนจนถึงสิ้นปี พร้อมลุยแก้กฎหมาย คุมราคาน้ำมัน กำหนดสต๊อกปริมาณใหม่ พร้อมปลดล็อกโซลาร์ประชาชน เข้าสภาฯ ปีนี้ จับตากองทุนน้ำมัน ผุดวิธีลบหนี้แสนล้านบาท
- นายกฯ มั่นใจแจกเงินหมื่นยังเป็นพายุหมุนกระตุ้น ศก. ชี้มีหลายโครงการคู่ขนาน เมินข้อครหาอยู่ไม่ถึงปี ท้าช่วยกันนับ
*หุ้นเด่นวันนี้
- PCE (ทรีนิตี้) บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ เข้าเทรดตลาด SET วันแรก จำนวนหุ้น IPO 750 ล้านหุ้น เงินที่ได้จากการขาย IPO จะนำไปลงทุนในกิจการเกี่ยวเนื่อง ลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ขยายกำลังการผลิต และปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ประเมินราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 3.30 บาท โดยอิง Justified PBV ที่ 1.5 เท่า ซึ่งสูงกว่าธุรกิจใกล้เคียงกันในไทยและต่างประเทศเล็กน้อยที่ 1.4 เท่า จากความแข็งแกร่งในธุรกิจที่ครอบคลุมเกือบทั้งหมดของ Supply Chain
- RATCH (ไอร่า) แนะนำ "ย่อซื้อสะสม" แม้คาด Q3/67 อาจปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าราชบุรี แต่คาดกำไรมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อจากการรับรู้โครงการ Paiton เต็มไตรมาส และเป็นช่วง Peak season ของ Hydropower projects อีกทั้งนักวิเคราะห์คาดเงินปันผลปี 67 ราว 1.60 บาท/หุ้น เป็น Dividend Yield ราว 5%+/- ถือเป็นจุดที่ยังน่าสนใจ ทางเทคนิคภาพรายวันราคาเคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขาขึ้นแต่เริ่มชะลอกำลังลงบ้างเล็กน้อย ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ RSI เริ่มกลับมามีกำลัง แต่ SSTO ชะลอกำลังลงบ้างแล้ว
- KCG (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 13 บาท โมเมนต้มกำไร Q3/67 เบื้องต้นคาดทรง q-q แต่ยังโตแกร่ง y-y และจะเร่งตัวขึ้นใน Q4/67 จาก High Season ของธุรกิจเนยและชีส ประกอบกับ Logistic Park เริ่มดำเนินงานจะช่วยลดต้นทุนการขส่งและจัดเก็บสินค้า ชดเชยต้นทุนวัดถุดิบปรับขึ้นได้ คาดกำไรปกติปี 67-68 ที่ 369 ล้านบาท +26% y-y และ 428 ล้านบาท +16% y-y ตามลำดับ Valuation ยังน่าสนใจมาก เทรด 2025PER เพียง 13 เท่า และให้ Dividend Yield ในเกณฑ์ดีราว 3.5-4% ต่อปี ขณะที่บาทแข็งเป็นบวกต่อฝั่งต้นทุน
- TU (พาย) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท งวด Q2/67 มีกำไรสุทธิ 1,219 ล้านบาท แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่ส่วนใหญ่เป็นผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 200 ล้านบาท กำไรปกติจะดีกว่าที่เราคาดไว้ 12% ได้รับผลดีจากกำไรขั้นต้นสูงถึง 18.5% ขณะที่รายได้ยังคงเติบโตได้แม้จะมีปัญหาลูกค้าขาดแคลนตู้สินค้า แนวโน้ม H2/67 คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและครึ่งปีแรก จากธุรกิจอาหารแปรรูป (Ambient) และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Foods)