HILITE: PCE เปิดเทรดวันแรก 2.60 บาท จาก IPO ที่ 2.28 บาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 12, 2024 10:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

HILITE: PCE เปิดเทรดวันแรก 2.60 บาท จาก IPO ที่ 2.28 บาท

หุ้น PCE เปิดเทรดวันแรก 2.60 บาท ราคาพุ่ง 14.04% จากราคา IPO ที่ 2.28 บาท

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) เป็น Holding Company มีธุรกิจย่อย คือ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม น้ำมันไบโอดีเซล และน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค นอกจากนี้ยังมีธุรกิจโลจิสติกส์ซึ่งสนับสนุนกระบวนการขายแบบครบวงจร โดยกลุ่มบริษัทเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของไทย และมีกำลังการผลิตไบโอดีเซลเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยการ IPO ในครั้งนี้ เพื่อจะนำเงินไปลงทุนขยายกิจการทั้งในรูปแบบ Organic และ Inorganic ทำให้คาดกำไรในปี 67-69 จะเติบโตสูง เราประเมินราคาเป้าหมายที่ 3.3 บาท อิง Justified PBV ที่ 1.5 เท่า ซึ่งเทียบเป็น PEG ที่ต่ำกว่า 1 เท่า

*ผู้นำธุรกิจปาล์มไทย ดำเนินธุรกิจครอบคลุมเกือบทั้ง Supply Chain โดย PCE เป็น Holding Company โดยมีการลงทุนในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ทั้งในส่วนการจัดหาวัตถุดิบและการผลิต การซื้อมาขายไป และการจัดการโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนการขายแบบครบวงจร ทั้งการจัดเก็บ การส่งสินค้าในประเทศ และการส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ กลุ่มบริษัทเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของไทย และมีกำลังการผลิตไบโอดีเซลเป็นอันดับ 3 ของไทย

บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด SET หลังเสนอขายหุ้น IPO 750 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท) คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 27.27% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยเงินที่ได้จะนำไปลงทุนในกิจการอื่นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องตามกลยุทธ์ขยายกิจการ ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อขยายกำลังการผลิต และเพื่อปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

กำไรปี 67 คาดว่าจะเติบโตได้ราวราว 63%YoY จากแนวโน้มยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น โดยหลักเป็นผลจากราคาปาล์มที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหลังของปี 67 ขณะที่กำไรในปี 68-69 คาดเติบโตเฉลี่ยราวปีละ 29% จากแผนการขยายกำลังการผลิตทั้งในส่วนของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ และโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีน การทำ R&D เพื่อเพิ่มอัตรากำไร และการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ประเมินราคาเป้าหมายปี 68 ของ PCE ที่ 3.30 บาท โดยอิง Justified PBV ที่ 1.5 เท่า ซึ่งสูงกว่าธุรกิจใกล้เคียงกันในไทยและต่างประเทศเล็กน้อยที่ 1.4 เท่า จากความแข็งแกร่งในธุรกิจที่ครอบคลุมเกือบทั้งหมดของ Supply Chain โดยคิดเป็น Forward PER 17.2 เท่า ในปี 67 และ 12.5 เท่า ในปี 68 ถือว่ายังต่ำเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของกำไรในปี 67-69 ทำให้ PEG ต่ำกว่า 1 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ