นายกิตติชัย ตรีรัชตพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนูลักษณ์ (TNL) เปิดเผยว่า TNL เตรียมออกหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 2 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย [5.95-6.10]% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ เพื่อเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยกำหนดระยะเวลาการเสนอขายหุ้นกู้ในวันที่ 21-22 และ 24 ตุลาคม 2567 ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ บล. เอเซีย พลัส และบล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง
วัตถุประสงค์ของการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปให้กลุ่มบริษัทใช้ในการขยายพอร์ตสินเชื่อ และ/หรือ จัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย และ/หรือ เพื่อลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทั้งนี้ บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะการเข้าซื้อ NPLs และ NPAs จากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่มีแนวโน้มจะนำสินทรัพย์เหล่านี้ออกขายมากขึ้นในตลาด ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถเข้าซื้อสินทรัพย์ได้ในราคาที่เหมาะสม และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังต่อไป
"บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมมุ่งเดินหน้าทำธุรกิจการเงินเต็มตัว ซึ่งถือว่าเราเดินมาถูกทาง ในธุรกิจที่เป็น New Growth Engines เพราะหลังจาก TNL มุ่งสู่ธุรกิจการเงิน ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากผลงานงวดรวม 6 เดือนแรกของปี 2567 ที่มีรายได้ 563 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% หรือ 152 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 258 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ขณะที่ยังสามารถทำอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 46%" นายกิตติชัยกล่าว
นายกิตติชัย ยังกล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะยาวของรัฐบาล จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และส่งผลดีต่อความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ รวมถึงกระตุ้นความต้องการในภาคอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงจะส่งผลให้มี NPLs เข้าสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถเข้าซื้อ NPLs และ NPAs ได้ในราคาที่เหมาะสมและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อธุรกิจของบริษัทในระยะยาว
ปัจจุบันหุ้น TNL ได้ย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมและหมวดธุรกิจไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันบริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) และดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทย่อย ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย