TOP บวก 2.96% โบรกฯคาดกำไรQ2/51โต, มีแผนลงทุนใหม่เพิ่มประสิทธิการผลิต

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 15, 2008 10:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          หุ้น TOP ราคาวิ่งขึ้น 2.96% มาอยู่ที่ 69.50 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท มูลค่าซื้อขาย 255.07 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.21 น. โดยเปิดตลาดที่ 68 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 69.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 68 บาท 
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เอเชีย พลัส แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ไทยออยล์ (TOP)มูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2551 เท่ากับ 82.10 บาท/หุ้นโดยเชื่อว่าราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงในช่วงที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนแนวโน้มค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลง จากต้นทุนราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นมากไปแล้ว และยังคาดว่าค่าเฉลี่ยค่าการกลั่นในงวด 2Q51 ยังเติบโตกว่างวดที่ผ่านมา ประกอบกับยังคงมีมุมมองว่า TOP ถือเป็นโรงกลั่นในประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง (อาทิ ดีเซล และ JET)ได้ในสัดส่วนที่มากที่สุด ซึ่งจะดีต่อผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้น
จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ผู้บริหารได้ให้มุมมองแนวโน้มราคาน้ำมันว่าจะยังทรงตัวได้ในระดับสูงโดย OPEC ยังไม่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจาก Hedge Fund ได้เข้ามาซื้อน้ำมันล่วงหน้ามากขึ้น, สำรองน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างมีนัยฯในหลายๆประเทศ อาทิ อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันขั้นต่ำรวม 70-80 ล้านบาร์เรล โดยเฉพาะในประเทศจีนที่มีแผนจะสำรองน้ำมันถึง 300 ล้านบาร์เรล ภายในปี 2552
ในส่วนแผนธุรกิจในอนาคต TOP ประกาศกลยุทธ์การลงทุนเพิ่มเติมหลังจากโครงการขยายกำลังการผลิตทั้งในส่วนโรงกลั่นและปิโตรเคมีแล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา โดย 2 โครงการหลักที่สำคัญได้แก่ Residue Upgrading — เป็นแผนการเปลี่ยนน้ำมันที่มีคุณภาพต่ำ ราคาถูก เป็นน้ำมันที่มีคุณภาพสูงขึ้น ซึ่งหากโครงการนี้แล้วเสร็จจะส่งผลให้ไม่มีน้ำมันเตาเกิดขึ้นในกระบวนการผลิตอีกเลย ทั้งนี้ TOP อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะลงทุนเองทั้งหมดหรือร่วมทุนกับบริษัทในกลุ่ม PTT และโครงการเพิ่มกำลังการผลิตพาราไซลีน (PX) — เป็น 6 แสนตันต่อปี จากปัจจุบัน 4.9 แสนตันต่อปี
ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิในปี 2551-2552 โดยคาดแนวโน้มกำไรงวด 2Q51 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมาจากแนวโน้มค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้น และการกลับมาเดินเครื่องผลิตของ TPX เต็มที่ในเดือน พ.ค. 2551 นี้ แต่ทั้งนี้คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 2H51 มีโอกาสอ่อนตัวจากทั้งในส่วนของโรงกลั่นที่จะมี Supply ใหม่เกิดขึ้น และอะโรเมติกส์ที่คาดว่าจะยังถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ยังมีแรงกดดันต่อเนื่อง ประกอบในช่วงปลายปี 2551 และต้นปี 2552 จะมี Supply ใหม่ๆเพิ่ม โดยเฉพาะจาก PTTAR และในต่างประเทศ จึงอาจกดดันราคาในอนาคตได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ