บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) คาดผลงานทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในไตรมาส 3/67 รับไฮซีซั่นธุรกิจโรงพยาบาล หนุนคนไข้ไทย-ต่างชาติแน่น โดยเฉพาะตะวันออกกลางที่ฟื้นตัวหลังผ่านพ้นช่วงเทศกาลรอมฎอน ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยบวกจากผู้ป่วยชาวคูเวตเริ่มกลับมาแล้วบางส่วน แม้รัฐบาลคูเวตยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการให้โรงพยาบาลใดได้โควตา แต่เชื่อว่า BH จะเป็นหนึ่งในผู้รับโควตา ราคาหุ้น BH วันนี้เคลื่อนไหวที่ 271 บาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ซื้อ 310.00 บัวหลวง ซื้อ 310.00 ฟินันเซียไซรัส ซื้อ 310.00 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 309.00 เอเซีย พลัส ซื้อ 304.00 ดีบีเอส วิคเคอร์ส ( ประเทศไทย ) ซื้อ 302.00 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซื้อ 300.00 ทิสโก้ ซื้อ 299.00
นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล CFA,CISA นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค บล.เอเซีย พลัส คาดกำไรของ BH ในไตรมาส 3/67 ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/67 จากการควบคุมต้นทุน และ EBITDA Margin ดีขึ้น ส่วนรายได้คาดว่าจะเติบโตได้ในอัตราหลักเดียว (Single digit) เมื่อเทียบกับฐานรายได้ที่สูงในปีก่อน
เนื่องจากไตรมาส 3/67 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล ซึ่งนอกจากผู้ป่วยชาวไทยจะเข้ามารักษาเพิ่มขึ้นแล้ว ผู้ป่วยชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลางกลับเข้ามารักษาใหม่หลังเทศกาลรอมฎอนได้ผ่านพ้นไปแล้วในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 อีกทั้งในไตรมาส 3/67 มีการขยายจำนวนเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 493 เตียง มาอยู่ที่ 561 เตียง และคาดว่าจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอีก 2% หลังจากปรับไปแล้ว 4% ในช่วงต้นปี
นอกจากนั้น BH ยังมีโอกาสสูงที่จะได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ทางรัฐบาลคูเวตจะส่งต่อผู้ป่วย เนื่องจากมีชื่อเสียงในการรักษาโรคยากซับซ้อน และมีฐานคนไข้ตะวันออกกลางสูงสุดในกลุ่ม โดยมีรายได้จากคนไข้คูเวตราว 5-6% ของรายได้จากการดำเนินงาน
อนึ่ง รัฐบาลคูเวตมีการปรับนโยบายการส่งตัวผู้ป่วยมารักษายังต่างประเทศ โดยจะลดจำนวนโรงพยาบาลที่ส่งมารักษาจาก 17 แห่ง เหลือเพียงราว 3 แห่ง คาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในครึ่งปีหลังนี้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรก BH มีรายได้จากผู้ป่วยชาวคูเวตลดลงราว 66% YoY หากผู้ป่วยคูเวตกลับมา จะเป็นอีกปัจจัยบวกหนึ่งที่หนุนผลประกอบการครึ่งปีหลัง
สำหรับราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวขึ้นมามากพอสมควร จากภาพรวมตลาดที่ปรับตัวขึ้น และการเก็งกำไร จึงแนะนำให้หาจังหวะย่อตัวแล้วค่อยเข้าซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายที่ 304 บาท
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่าผลประกอบการของ BH ในไตรมาส 3/67 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝนของประเทศไทย และการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติ รวมถึงการคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ซึ่งจะทำให้รายได้และ margin เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าขึ้นจากเดิม เนื่องจากปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เป็น 51.0% (จากเดิม 50.0%) และปีหน้าเป็น 51.5% (จากเดิม 50.0%) และปรับลดสัดส่วน SG&A/รายได้ของทั้งปี 67-68 ลงเหลือ 17.0% (จากเดิม 18.0%) ดังนั้น จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 67 เป็น 7.83 พันล้านบาท (+12.0% YoY) และ ปี 68 เป็น 8.34 พันล้านบาท (+6.5% YoY)
ยังคงแนะ "ซื้อ" หุ้น BH และปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย DCF ปี 67 เป็น 309 บาท จากเดิม 300 บาท มองว่า BH น่าสนใจเนื่องจากอัตรากำไรที่สูง(อัตรากำไรขั้นต้น > 50% และ อัตรากำไรสุทธิ > 29%) และเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ROE ที่ค่อนข้างสูง (>25%)
ด้าน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) คาด BH จะยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/67 ต่อเนื่อง จากที่เคยทำไว้ในไตรมาส 2/67 นอกจากนี้ เราเชื่อว่าการเติบโตของรายได้เทียบกับปีก่อน(YoY) นั้นได้แตะจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/67 และคาดจะเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 3/67 หนุนหลักจากการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยจากตะวันออกกลางซึ่งมักจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2-3 เดือนหลังจากรอมฎอนและอัตราการเติบโต YoY ก็สูงขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ ผู้ป่วยชาวคูเวตที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลนั้นเริ่มกลับมาบางส่วนแล้ว แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าโรงพยาบาลใดได้โควตาในการักษาคนไข้คูเวตบ้างก็ตาม โดยคาดว่า BH น่าจะเป็นโรงพยาบาลแรกที่ได้รับเคสคูเวตจากทางรัฐ(เนื่องจากยังไม่ได้ทราบข่าวใดๆจากโรงพยาบาลเจ้าอื่น) สะท้อนว่าจำนวนผู้ป่วยชาวคูเวตของ BH ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 2/67 และ BH น่าจะเป็นหนึ่งในผู้รับโควตา หากมีการยืนยันอย่างเป็นทางการ
อีกทั้งผู้บริหารยังคาดว่าจะเห็นการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยและซาอุดีอาระเบียในเดือน ต.ค.67 ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยชาวซาอุที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในไตรมาส 4/67
เบื้องต้นประเมินว่ากำไรในไตรมาส 3/67 จะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท เติบโต 13% YoY และ 14% QoQ โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 5.5% YoY และ 13.0% QoQ (เทียบกับโต 4.2% YoY ในไตรมาส 2/67) ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มราคาขึ้น 4% YoY (ที่เริ่มมีผลตั้งแต่ไตรมาส 1/67) และการเพิ่มขึ้นของปริมาณผู้ป่วยตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางหลังรอมฎอน โดยเห็นสัญญาณโตดีตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย.67 ซึ่งน่าจะทำให้รายได้ในไตรมาส 3/67 เป็นจุดสูงสุดของปี และผนวกกับการควบคุมต้นทุนที่ดี ก็คาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 31.1% (เทียบกับ 29% และ 30.8% ในไตรมาส3/66 และ ไตรมาส2/67)
ขณะที่กำไรทั้งปี 67 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16% YoY ทำให้ BH โดดเด่นที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล
https://youtu.be/ebiX9zBhubU