โกลเบล็ก เก็งหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ลุ้นผลประชุมเฟด จับทางน้ำท่วมลดแนะช้อปหุ้นซ่อมแซม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 17, 2024 13:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โกลเบล็ก เก็งหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ลุ้นผลประชุมเฟด จับทางน้ำท่วมลดแนะช้อปหุ้นซ่อมแซม

บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทย Sideway ออกข้าง ลุ้นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในสัปดาห์นี้ แนะเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิดให้กรอบดัชนี SET ที่ 1,400-1,450 จุด และกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้อานิสงส์ซ่อมแซมบ้านหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ได้แก่ TASCO-DOHOME-GLOBAL-DCC-DRT-TOA-DPAINT-HMPRO

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนคาดหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนีที่ 1,400-1,450 จุด

ทั้งนี้ ยังคงมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ติดตามสถานการณ์ ล่าสุดเกิดความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับ NATO ร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้งหลัง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินเปิดเผยว่าชาติตะวันตกน่าจะสู้กับรัสเซียโดยตรงหากยอมให้ยูเครนโจมตีดินแดนรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลที่ผลิตขึ้นในประเทศตะวันตก ส่วนยูเครนกล่าวโทษรัสเซียใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดใส่เรือบรรทุกธัญพืชของพลเรือนในทะเลดำบริเวณน่านน้ำใกล้กับประเทศโรมาเนียซึ่งเป็นสมาชิก NATO รวมทั้งการที่รัสเซียส่งโดรนโจมตีกรุงเคียฟเป็นครั้งที่ 8 ในเดือนก.ย.

ขณะที่ทางกระทรวงพาณิชย์จีนไม่พอใจและคัดค้านการที่สหรัฐฯ ใช้มาตรา 301 ขึ้นภาษีสินค้าของจีนบางรายการ ขณะที่การผลิตเหล็กของจีนลดลงมากกว่า 10% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วในเดือนส.ค. 2567 เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล็กเผชิญกับราคาที่ระดับต่ำและความต้องการที่ลดลงอย่างรุนแรง ส่วนผลกระทบของพายุไต้ฝุ่นยางิซึ่งเป็นพายุรุนแรงที่สุดที่พัดถล่มเอเชียในปีนี้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของหลายประเทศในทวีปเอเชีย อาทิ GDP ของประเทศเวียดนามในปี 2567 อาจลดลง 0.15% เมื่อเทียบกับคาดการณ์ก่อนหน้านี้ และทาง ส.อ.ท.ประเมินว่าสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือตอนบนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 2.7 หมื่นล้านบาทถือเป็นผลกระทบครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี และได้กำชับให้สมาชิก ส.อ.ท. กลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเร่งเพิ่มกำลังผลิตสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการ

ด้านปัจจัยในประเทศที่ยังคงต้องจับตาต่อ ได้แก่ วันที่ 16-20 ก.ย.นี้ กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง (VAYU 1) เสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ให้กับประชาชนทั่วไป สัปดาห์ที่ 3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม สัปดาห์ที่ 4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย สัปดาห์ที่ 5 สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนี ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม และวันที่ 30 ก.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าจับตาวันนี้ 17 ก.ย. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนก.ย. สหรัฐ รายงานยอดค้าปลีกเดือนส.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย. วันที่ 18 ก.ย. สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 17-18 ก.ย. การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินสหรัฐซึ่งจะทราบผลเช้าวันที่ 19 ก.ย. เวลาในไทย และวันที่ 5 พ.ย. วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ได้แก้ TASCO, DOHOME, GLOBAL, DCC, DRT, TOA, DPAINTและ HMPRO

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ว่าราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นต่อ ได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ หลังตัวเลขเงินเฟ้อกำลังปรับตัวเข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% รวมทั้งตัวเลขตลาดแรงงานที่ซบเซา โดยนักลงทุนให้น้ำหนัก 33% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% และ 67% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ประกอบกับปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย มองกรอบสัปดาห์นี้ 2,530-2,630 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ คาดว่าราคาทองคำมีโอกาสทดสอบแนวต้าน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ